19 กรกฎาคม 2567 มรดกหายนะทางสิ่งแวดล้อม

ที่มา: https://prachatai.com/journal/2024/07/109973
การมาของโรงงาน วิน โพรเสส ทำให้ชีวิตคนเปลี่ยน ในวันที่ 22 เมษายน 2567 ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปตลอดกาล ตั้งแต่การมีอยู่ของโรงงาน วิน โพรเสส ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมากมาย ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากชาวบ้านที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เพราะกังวลถึงความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น แต่เพราะความอ่อนแอของเจ้าหน้าที่รัฐในการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้โรงงานยังสามารถดำเนินการไปได้เกือบสิบปี สุดท้ายเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ เปลวไฟกลายเป็นตะปูตอกฝาโลง ที่ทำให้เกิดมรดกหายนะ โดยเฉพาะหายนะทางสิ่งแวดล้อม ที่อาจจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป จุดเริ่มต้นเกิดจากเมื่อปี 2553 บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ได้เข้ามาตั้งโรงงานที่ ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จดทะเบียนประกอบธุรกิจเป็นกิจกรรมซ่อม-ล้างถังด้วยตัวทำเชื้อเพลิงผสม-ทดแทน คัดแยกวัสดุที่ใช้แล้ว และดำเนินการฝังกลบ แต่ไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ เนื่องจากชาวบ้านได้รวมตัวกันออกมาคัดค้าน เพราะเป็นห่วงว่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของชุมชน หลังจากศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมภาคตะวันออก ได้เข้ามาเก็บตัวอย่างน้ำในพื้นที่ไปตรวจสอบ พบว่าน้ำส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง และมีสารพิษอยู่ในน้ำของหลุมที่โรงงานใช้ฝังกลบ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีคำสั่งให้บริษัทระงับการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และดำเนินการขนย้ายของเสียและวัตถุอันตรายออกจากโรงงานให้เร็วที่สุด แต่ทางโรงงานก็ยังไม่หยุดดำเนินกิจการ ปี 2560 กรมโรงงานอุตสาหกรรมกลับมอบใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก่บริษัทวิน โพรเสส จำนวน 3 ใบ และมอบใบอนุญาตถือครองวัตถุอันตรายจำพวกน้ำมันใช้แล้วแก่บริษัทฯ อีก 4 ใบ ทำให้โรงงานถูกเปลี่ยนสถานะเป็นโรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายโดยทันที หลังจากนั้นเป็นต้นมา ปัญหามลพิษที่หนองพะวาก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กับชาวบ้านโดยรอบก็ได้รับผลกระทบดังกล่าว ‘สนิท มณีศรี’ ชาวบ้านหนองพะวา อาศัยอยู่ริมสระน้ำหนองพะวากว่า 20 ปี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงงาน สนิทใช้สระน้ำในการดำรงชีวิต
ทำกระชังเลี้ยงปลา จับปู ปลูกผักไว้กิน และนำไปขาย ชีวิตผูกพันอยู่กับสระน้ำแห่งนี้ แต่หลังจากโรงงานเกิดขึ้นได้ไม่นาน สนิท สังเกตเห็นว่า ปลาเริ่มลอยตาย ต้นไม้ที่ปลูกไว้แห้งตาย น้ำในสระเริ่มส่งกลิ่นเหม็นและเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ฟาร์มกบของเพื่อนบ้านที่เลี้ยงไว้ในสระ ผิวหนังของกบเริ่มเป็นแผลพุพอง ไม่นานต่อมาก็ตายจนหมด แม้แต่ตัวของสนิทเอง ก็มีอาการเท้าลอกเป็นแผลพุพอง เนื่องจากการเดินลุยน้ำ ที่ล้นออกมาจากสระน้ำในช่วงหน้าฝน นั่นเป็นจุดที่ทำให้พี่สนิทตัดสินใจย้ายบ้านออกจากที่นั่น แล้วไปหาที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ เดือนมิถุนายน 2563 ชุมชนหนองพะวา และมูลนิธิบูรณะนิเวศ ช่วยกันตรวจสอบจนพบว่าโรงงานได้กระทำการผิดกฎหมาย คือ ครอบครองวัตถุอันตรายจำนวนมากโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการลักลอบนำถังบรรจุสารเคมีอันตรายเข้ามาเก็บไว้ในโรงงาน แม้ว่าทางวิน โพรเสส จะมีใบอนุญาตประกอบการบดอัดกระดาษ และหลอมโลหะ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่พบเครื่องจักรเพื่อประกอบการดังกล่าว ทำให้โรงงานเป็นเพียงที่ทิ้งของเสียเท่านั้น หลังจากถูกตรวจสอบอย่างหนักและเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ทั้งคดีอาญา คดีแพ่ง และคดีทางปกครอง กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ได้ชิงประกาศเลิกกิจการ ก่อนที่จะมีคำสั่งลงโทษออกมาจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ต่อมา เมื่อ 11 มิถุนายน 2563
กรมโรงงานอุตสาหกรรม จ.ระยอง แจ้งความดำเนินคดีกับบริษัท วิน โพรเสส ฐานครอบครองวัตถุอันตราย อัยการมีคำสั่งฟ้อง จึงทำให้เป็นคดีอาญา และต่อมา ศาลมีคำสั่งให้ริบของกลาง (ของเสีย) ทั้งหมด และส่งมอบของกลางให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลตามสมควร โดยทางบริษัท วิน โพรเสส จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบำบัด หรือกำจัดทั้งหมดวิน โพรเสส ยังคงไม่ดำเนินการใดๆ จนกระทั่ง 19 เมษายน 2567 ก่อนวันเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานครั้งใหญ่ 3 วัน สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ระยอง ได้มีหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการ วิน โพรเสส เพื่อทวงถามและเร่งรัดให้มีการกำจัดของเสียในโรงงาน และก่อนหน้านั้นก็ได้มีการส่งเอกสารถึงบริษัทอีก 1 ฉบับ สั่งให้จัดเก็บถุงบิ๊กแบ็กที่บรรจุวัตถุอันตราย เพราะพบว่าถูกวางไว้กลางแจ้ง เมื่อฝนตกจะทำให้เกิดการปนเปื้อน แต่ก็ยังไม่ทันได้จัดการอะไรก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นก่อนเพลิงไหม้ได้เผาทำลายโรงงาน รวมไปถึงถังจำนวนมากที่เต็มไปด้วยสารเคมี จนทำให้มีเสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกันเป็นเวลานาน ควันจากเปลวไฟที่เผาสารเคมี ทำให้เกิดมลพิษปนเปื้อนกระจายออกไปเป็นวงกว้าง