23 ตุลาคม 2566 ร่วมกันสู้กับขยะในทะเลเพื่อคืนความหลากหลายทางชีวภาพแก่โลก

ที่มา : ไทยโพสต์ออนไลน์ (https://www.thaipost.net/public-relations-news/468838/)
นอกจากปัญหาโลกร้อนที่กำลังจะเข้าสู่ยุคโลกเดือดที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมากแล้ว ปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกประเด็นหนึ่งที่ทุกภาคส่วนพยายามอย่างหนักในการร่วมกันบรรเทาความรุนแรง คือมลพิษจากขยะในทะเลที่ทำลายชีวิตของพืชและสัตว์น้ำ ลดทอนความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญของโลก และสร้างปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างตามมา การแก้ไขปัญหาจึงต้องเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องและจริงจังจากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในระดับชุมชน ประเทศ ภูมิภาค และในระดับนานาชาติ ในงาน Sustainability Expo 2023 มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน ถึง 8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาอภิปราย โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มีประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึกจากองค์กรในภูมิภาคที่ร่วมผลักดันการแก้ปัญหานี้แบบองค์รวม
ดร.เธเรซา มุนดิตา เอส ลิม ผู้อำนวยการบริหารจากศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
พูดถึงภาพรวมของสถานการณ์ในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศว่า มลพิษจากขยะกำลังทำลายความเป็นอยู่ของผู้คนและระบบเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาสัตว์น้ำและท้องทะเลในวงกว้างและยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ท้องทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นที่อยู่ของระบบชีวภาพใต้น้ำที่อุดมสมบูรณ์หนึ่งในสี่ของโลก รวมไปถึงสัตว์อื่น ๆ เช่น นกและเต่าที่อาศัยใกล้กับทะเล และพืชพรรณ เช่น โกงกางที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับแหล่งน้ำแล้วยังเป็นแนวปราการธรรมชาติที่ปกป้องมนุษย์จากอุทกภัยอีกด้วย ขยะที่สะสมอยู่ในทะเลซึ่ง 80 เปอร์เซ็นต์คือพลาสติก จึงไม่เพียงทำลายระบบนิเวศใต้ทะเลเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อธุรกิจประมงที่มีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แหล่งอาหารของชุมชน แหล่งที่มาของยารักษาโรคหลายชนิด รวมไปถึงธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของทุกประเทศในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ จากภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า จำนวนขยะที่หลุดรอดลงสู่ทะเลตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้มีปริมาณที่ลดลงเลยแม้จะมีการรีไซเคิลแล้ว โดยในปีที่แล้วมีปริมาณราว 3 หมื่นตัน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกและไมโครพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งขยะจากชุมชนหลุดรอดไปสู่ทะเลอ่าวไทยผ่านทางแม่น้ำสายหลักสี่สาย คือแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำแม่กลอง ผลกระทบที่ชัดเจนและรุนแรงที่สุดของขยะในทะเลเกิดกับเต่าที่มักจะกินเศษพลาสติกเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นแมงกะพรุน ทำให้กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของเต่าทะเลในน่านน้ำไทยใกล้ชายฝั่งมีขยะในกระเพาะและล้มตายลงไปมากมายเพราะสาเหตุนี้ นอกจากนี้ ยังมีไมโครพลาสติกที่ปลาและสัตว์น้ำกินเข้าไป ทำให้เกิดการปนเปื้อนในอาหารทะเลที่มนุษย์นำมาบริโภคและทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย