19 กุมภาพันธ์ 2563 จ. ระยองสู้ภัยแล้ง! ภาคอุตสาหกรรมลงทุนดึงน้ำทะเลมาใช้ทำเป็นน้ำจืด

ที่มา: https://www.naewna.com/local/473934
สภาพความเหือดแห้งในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ที่ อ. ปลวกแดง จ. ระยอง ปัจจุบันลดต่ำลงจนสามารถขับรถลงไปถึงจุดศูนย์กลาง หรือสะดืออ่างทำให้ซากหมู่บ้าน ซากวัด ที่เคยถูกน้ำท่วมโผล่ให้เห็นแล้วอย่างชัดเจน จึงน่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ได้แล้วว่า ปัญหาภัยแล้งได้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง นายสุรพล สุทธจินดา ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยองยอมรับว่า ปัญหาภัยแล้งปีนี้คาดว่าในเดือน เม.ย. คงจะเกิดขึ้น ดังนั้นในภาคอุตสาหกรรมในนิคมต่างๆ ก็ไม่นิ่งนอนใจได้เตรียมพร้อมกันในระดับหนึ่ง เช่น เริ่มมีการประชุมวอร์รูม ทำวอร์รูมกันว่า น้ำน่าจะอยู่ได้ถึงประมาณไหนอย่างชัดเจน แล้วก็ส่วนหนึ่งที่สามารถทำได้ คือ การเริ่มใช้ระบบ RO เข้ามา ระบบ RO ก็คือ การที่จะดึงน้ำทะเลเข้ามาแล้วทำให้เป็นน้ำจืดเพื่อมาใช้ในระบบการผลิต ซึ่งจะต้องยอมรับในการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่สูงอย่างมาก แต่ก็เป็นหนทางที่จะรอดจากปัญหาภัยแล้งไปให้ได้ และในส่วนของอ่างเก็บน้ำนั้น ในวันนี้แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแก้ไขปัญหาด้วยการผันน้ำจากวังโตนดเข้ามาบ้าง ก็มองว่าน้ำที่ได้อยู่นี้ต้องนำไปช่วยภาคเกษตรก่อนเพราะเป็นประชนหมู่มาก เมื่อเดือดร้อนต้องเร่งช่วยเหลือ ส่วนภาคอุตสาหกรรมในภาวะนี้ต้องเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการแล้วที่จะต้องหาวิธีการช่วยเหลือตัวเอง ซึ่งบางแห่งก็ใช้วิธีที่จะ Shut down หรือ Turn around ตัวเอง ก็คือการเลื่อนการซ่อมประจำปีเข้ามาอยู่ในช่วงนี้ ทำให้โรงงานไม่ต้องใช้น้ำ อีกข้อหนึ่ง คือ ลดกำลังผลิตลง อาจจะด้วยภาวะเศรษฐกิจก็ตาม หรือด้วยปัญหาที่จะเกิดในเรื่องของต้นทุนก็ตาม ก็ทำให้โรงงานบางแห่งลดกำลังการผลิต
อย่างไรก็ตาม ปัญหาภัยแล้งปีนี้มองว่า ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะมองข้างหน้ายาวๆ ว่าอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 – 5 บ่อนี้ เราสามารถสูบน้ำได้จริงๆ เท่าไหร่ ถ้าดูจากสภาพจะเห็นว่า บางอ่างมันตื้นเขินหมดแล้ว น่าจะมีการลอกหรือเก็บให้ได้มากขึ้น ลอกอ่างน่าจะเป็นพื้นที่สีเขียวให้เกิดความชุ่มชื้น เพื่อที่จะอุ้มน้ำทัน แล้วก็เพื่อให้เกิดการอุ้มน้ำที่ดี น้ำก็จะระเหยน้อย อีกข้อหนึ่งคือ การที่มีบ่อเติมน้ำ ซึ่งอาจจะใช้บนที่สูง ที่จะทำเป็นบ่อ เป็นน้ำอุ้มแบบธรรมชาติ ที่จะทำให้เกิดบ่อน้ำบนภูเขาต่างๆ หรือที่สูงต่างๆ เก็บเอาไว้ เหมือนในอดีตที่ยังมีป่าอุดมสมบูรณ์ น้ำก็จะเก็บอยู่ข้างบนแล้วถึงเวลาก็จะมีน้ำไหลลงมาตามฝายไล่มาเป็นชั้นๆ เพื่อให้เกษตรกรใช้น้ำกันได้ ถ้าเรามีอ่างหรือมีบ่อเล็กบ่อน้อยตามเขา เวลาที่เราเปิดให้น้ำลงมาเพื่อเติมก็ทำได้ง่ายใช้แรงโน้มถ่วงอย่างเดียว น้ำก็จะเข้ามาเสริมได้เป็นการรับรู้ว่า น้ำต้นทุนที่ยังเก็บอยู่ยังมีที่จะเติมได้อีกได้เท่าไหร่ แต่ถ้าวันนี้เราไม่เห็นอะไรจะเติมลงอ่างเลย ก็เป็นเรื่องที่เราคาดยากว่าจะยุติการใช้น้ำกันแค่ไหนอย่างไร ประเด็นอยู่ที่ว่าในภาคประชาชน สาธารณูปโภคต่างๆ เพียงพอกับชุมชนหรือไม่ ประธานสภาอุตฯ กล่าวทิ้งท้าย