9 มีนาคม 2564 ทส. สั่งคุมเข้ม PM 2.5 และจุดความร้อนภาคเหนือ

ที่มา: https://tna.mcot.net/latest-news-651371
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า สั่งการให้ทุกหน่วยงานในภาคเหนือดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะ จ. แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง และตาก เนื่องจากลักลอบเผาในพื้นที่ป่ามากขึ้น กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเพิ่มกำลังในการลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานปกครอง และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อเฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที รวมถึงระดมอุปกรณ์เครื่องมือ ยานพาหนะ และอากาศยานมาสนับสนุนการเผชิญเหตุเพื่อเร่งควบคุม และดับไฟโดยเร็ว โดยเฉพาะใน จ. แม่ฮ่องสอน ลำปาง และเชียงใหม่นำเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมฝนหลวงและการบินเกษตรบินโปรยน้ำดับไฟในพื้นที่ป่า นอกจากนี้ ในหลายจังหวัดประกาศห้ามเผาโดยเด็ดขาดจนถึงวันที่ ๓๐ เม.ย. รวมทั้งให้บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นการลักลอบเผาทั้งเพื่อทำการเกษตรในพื้นที่ป่า หาของป่า และจงใจสร้างความเสียหาย โดยมีโทษจำคุกตั้งแต่ ๔ ปี ถึง ๒๐ ปี และมีโทษปรับตั้งแต่ ๔ แสนบาทถึง ๒ ล้านบาท หรือมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) รายงานผลการเกิดจุดความร้อนจากดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS ปรากฏว่า จุดความร้อนภาคเหนือ ๑,๔๙๔ จุด พบมากที่สุดที่ จ. แม่ฮ่องสอน ๔๖๕ จุด เชียงใหม่ ๓๕๕ จุด และลำปาง ๑๙๓ จุด หากจำแนกจุดความร้อนตามการใช้ประโยชน์ที่ดินพบว่า มีในป่าอนุรักษ์ ๘๖๕ จุด (ป่าคงสภาพ ๘๓๖ จุดและเกษตรในป่า ๒๙ จุด) ป่าสงวนแห่งชาติ ๕๑๗ จุด (ป่าคงสภาพ ๔๓๒ จุดและเกษตรในป่า ๘๕ จุด) พื้นที่เกษตร ๘๒ จุด และพื้นที่ชุมชน ๓๐ จุด ส่วนจุดความร้อนรายประเทศพบมากที่สุดที่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ๖,๓๓๖ จุด ไทย ๑,๗๓๗ จุด และกัมพูชา ๑,๕๓๑ จุด จึงมอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษเฝ้าระวังผลกระทบจากหมอกควันข้ามแดนที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อจังหวัดในภาคเหนือตอนบน โดยประสานไปยังสำนักงานเลขาธิการอาเซียน เพื่อขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านในการลดและควบคุมการเผาในที่โล่ง