9 พฤศจิกายน 2563 รัฐบาลชู ๓ แนวหลัก แก้ปัญหา PM2.5 กลับมาอีกครั้ง

ที่มา:
https://www.sanook.com/news/8292807/
อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งมักจะมีความรุนแรงในช่วงการเปลี่ยนฤดู ซึ่งสาเหตุที่มาของฝุ่น PM 2.5 ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน เช่น การเผาป่า การเผาวัสดุทางการเกษตร ขณะที่พื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สาเหตุหลักมาจากการรถยนต์ดีเซล และการจราจร อุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่ง บางขณะสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อการกระจายตัวของฝุ่นละออง ดังนั้น แนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในภาพรวมของประเทศ จำเป็นต้องบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินงานร่วมกัน ดังนี้
๑. เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ ประสานข้อมูลกับกรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จัดทำแผนเผชิญเหตุทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุตามกลไก พ.ร.บ. การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ บังคับใช้กฎหมาย และเพิ่มความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหาตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” กำหนดสถานที่พักชั่วคราว หรือ Safety Zone แจ้งเตือนแนะนำข้อปฏิบัติตนแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมใส่หน้ากากอนามัย
๒. ป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง เข้มงวดตรวจจับรถควันดำ เร่งระบายการจราจรไม่ให้ติดขัด ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ตรวจสภาพ และบำรุงรักษายานพาหนะขนส่งสาธารณะ ทำความสะอาดพื้นผิวถนน รวมทั้งควบคุมการเผาในที่โล่ง และพื้นที่เกษตรอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบ และควบคุมการปล่อยมลพิษจากโรงงาน ป้องกัน และลดปริมาณฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง เป็นต้น
๓. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวัง ติดตาม และตรวจสอบคุณภาพอากาศ ขยายเครือข่ายแจ้งเตือน จัดระเบียบการเผาตามลักษณะพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักวิชาการ ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และปรับพฤติกรรมประชาชนในการลดการเผาในที่โล่ง พื้นที่การเกษตร และการเผาขยะในชุมชนหรือเมือง
นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่ผ่านมา พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเห็นชอบการทบทวนแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เพื่อยกระดับความเข้มงวดของมาตรการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยเพิ่มเติมแผนเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงวิกฤต โดยย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานตามหน้าที่อย่างเข้มข้น เร่งการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ควบคุมการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า และการเกษตรด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียืนยันว่า การแก้ไขปัญหาฝุ่นและ PM 2.5 เป็นหนึ่งในวาระสำคัญของรัฐบาลที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชนด้วย