19 ธันวาคม 2568 ‘ลูปินนูทก้า’ เอเลี่ยนสปีชีส์รุกรานพืชพื้นเมือง บทเรียนราคาแพงของ ‘ไอซ์แลนด์’
ลูปินนูทก้า มีถิ่นกำเนิดมาจากรัฐอะแลสกา เข้ามาในไอซ์แลนด์ช่วงทศวรรษ 1940 ดอกลูปินนูทก้าได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติโดยบังเอิญ นักท่องเที่ยวและชาวท้องถิ่นจำนวนมากต่างพากันมาถ่ายรูปในทุ่งดอกลูปินนูทก้าที่ผุดอย่างกับดอกเห็ดช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ฮาคอน บียาร์นาสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ของไอซ์แลนด์ พบเห็นดอกลูปินนูทก้าระหว่างการเดินทางไปอะแลสกาในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง และนำกลับมายังไอซ์แลนด์ เพื่อหยุดการกัดเซาะของดินได้ด้วยการซ่อมแซมดินและตรึงไนโตรเจนลงในดิน ทำให้คุณภาพดินดีขึ้นจนป่าของประเทศนี้กลับมาอีกครั้ง ต้นลูปินนูทก้าถูกลงบนดินภูเขาไฟสีดำ ด้วยความหวังว่าจะช่วยยึดติดดิน เนื่องจากดินจำนวนมหาศาลถูกพัดพาลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกทุกปีจากลมและฝนที่รุนแรง แต่ดูเหมือนว่าต้นไม้นี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหานัก เพราะราว 40% ของพื้นที่ถูกจัดอยู่ในประเภทเสื่อมโทรมอย่างมาก
จากข้อมูลการประเมินด้วยดาวเทียมในปี 2017 พบว่า ต้นลูปินนูทก้าครอบครองพื้นที่ 0.3% ของประเทศไอซ์แลนด์ อาจจะเป็นตัวเลขที่ไม่เยอะมาก แต่พืชเอเลี่ยนสปีชีส์นี้สามารถแพร่กระจายไปทั่วเกาะอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องให้มนุษย์ปลูกด้วยซ้ำ และมักจะแย่งพื้นที่เติบโตของพืชพื้นเมืองและหญ้าพื้นเมือง
นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า จำนวนดอกลูปินนูทก้าจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าในปี 2027 โดยได้รับแรงผลักจากภาวะโลกร้อน ขณะที่งานวิจัยชิ้นหนึ่งคาดการณ์ว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า พืชชนิดนี้อาจกินพื้นที่ 16% ของประเทศไอซ์แลนด์ และยังกล่าวว่าตอนนี้สายเกินไปที่จะกำจัดดอกไม้เหล่านี้แล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดอาจเป็นการยับยั้งไม่ให้พวกมันเข้าไปในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและมีคุณค่ามากที่สุดบางแห่ง
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (www.bangkokbiznews.com/sustainability/environment/1211751)