21 ธันวาคม 2568 ชี้ AI คือกลไกขับเคลื่อนการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายกิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คินดริล ประเทศไทย เปิดเผยว่า  คินดริล ได้ ร่วมมือกับไมโครซอฟท์  เผยแพร่ผลการศึกษา Global Sustainability Barometer ประจำปีครั้งที่สาม ซึ่งจัดทำโดย Ecosystm พบว่า  องค์กรในประเทศไทยมีความร่วมมือระหว่างทีมเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) และทีมงานด้านความยั่งยืนอยู่ในระดับสูงที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค โดยมากกว่าแปดในสิบองค์กร (82%) รายงานว่า ทั้งสองส่วนงานนี้มีการทำงานอย่างสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 73% ผลลัพธ์นี้แสดงให้เห็นว่าองค์กรไทยมีความพร้อมอย่างมากในการเสริมสร้างความยั่งยืน และการนำ AI มาผสานใช้ในการตัดสินใจด้านสิ่งแวดล้อมองค์กรเหล่านี้จำนวนหนึ่งในสาม (32%) ยังคงรักษาหรือพัฒนาเป้าหมาย
ด้านความยั่งยืนของตนให้ก้าวหน้ามากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภูมิทัศน์ทางธุรกิจของประเทศไทยกำลังเติบโตเต็มที่ทั้งในด้านความตระหนักรู้และการลงมือปฏิบัติเพื่อความยั่งยืน อันเนื่องมาจากการที่บริษัทต่าง ๆ ตอบสนองต่อความคาดหวังด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่กำลังพัฒนา ตอบสนองต่อการจัดลำดับความสำคัญของผู้ลงทุน และกรอบการรายงานที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ “องค์กรธุรกิจไทยกำลังสร้างรากฐานที่จำเป็นต่อความสำเร็จในการสร้างผลกระทบด้านความยั่งยืนในระยะยาวให้แข็งแกร่ง โอกาสต่อไปอยู่ที่การเปลี่ยนจากการดำเนินงานด้านความยั่งยืนแบบตั้งรับ ไปสู่แนวทางที่ผนวกความยั่งยืนเข้าไว้เป็นแกนหลักของการดำเนินธุรกิจ การที่องค์กรต่าง ๆ เปลี่ยนจากรูปแบบดั้งเดิมที่ทำงานแยกส่วนกัน ไปสู่แนวทางการทำงานที่มีการบูรณาการมากขึ้น พร้อมทั้งเสริมศักยภาพด้านการจัดการข้อมูลและ AI จะทำให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อม ที่ทรงพลังได้มากขึ้น” ผลการศึกษาชี้ว่า ปัจจุบันทีมงานด้านไอทีในองค์กรไทยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการด้านความยั่งยืนในทุกส่วนขององค์กร โดยคิดเป็นหนึ่งในห้า (20%) ของทีมไอทีทั้งหมดที่ทำการศึกษา ในขณะที่ผู้นำด้านความยั่งยืน 32% มีอิทธิพลต่อการกำกับดูแลด้านไอที สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรไทย มีความพร้อมในการจัดลำดับความสำคัญและผนวกรวมเป้าหมายทางธุรกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม เข้าด้วยกันอย่างลงตัว นอกจากนี้จำนวนองค์กรที่ใช้ AI เพื่อยกระดับผลลัพธ์ด้านสิ่งแวดล้อมก็มีมากขึ้น
โดยหนึ่งในสองขององค์กรเหล่านี้ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงด้านสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและสินทรัพย์ขององค์กรอย่างไรก็ตามผลการศึกษาพบว่า การนำ AI มาใช้เชิงกลยุทธ์นั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีเพียง 28% ที่ใช้ AI เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนความยั่งยืน และ 57% กำลังอยู่ในขั้นตอนการนำไปใช้จริง อยู่ในขั้นทดลองและเริ่มดำเนินการ หรือกำลังพิจารณานำ Agentic AI ไปใช้ในการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมแบบเรียลไทม์ องค์กรส่วนใหญ่ระบุว่า การเก็บรวบรวมข้อมูลและคุณภาพของข้อมูลเป็นส่วนที่ต้องปรับปรุงก่อนที่จะนำแอปพลิเคชัน AI ที่ล้ำหน้ามาประยุกต์ใช้ องค์กรจำนวนมากยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการผนวกความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงานหลักของธุรกิจ โดยมีเพียงหนึ่งในสิบองค์กรเท่านั้นที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับธุรกิจ ผลลัพธ์นี้แสดงให้เห็นว่าแม้รูปแบบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กรไทยยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีโอกาสอีกมากที่จะสามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กว่าได้

ที่มา : https://www.dailynews.co.th (https://www.dailynews.co.th/news/5407539/)

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy