26 พฤศจิกายน 2568 หนุน “การทูตพหุภาคี” รับมือวิกฤตสิ่งแวดล้อมโลก
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ชี้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อน และมลพิษข้ามพรมแดน ได้กลายเป็นความเสี่ยงหลักที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและสังคมโลกย้ำแม้ไทยจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนที่น้อยมากเพียง 0.88% แต่กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงระดับต้นๆ ของโลก พร้อมเสนอทางออกเร่งด่วนให้ไทยใช้ “การทูตสิ่งแวดล้อมเชิงรุก” (Proactive Environmental Diplomacy) และแนวทางพหุภาคี เพื่อรับมือวิกฤตและแรงกดดันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้เสนอแนะแนวทางเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการทูตด้านสิ่งแวดล้อมของไทย โดยเน้นการส่งเสริมบทบาทไทยในเวทีอาเซียนและสหประชาชาติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเพิ่มขีดความสามารถในการเจรจาโดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์
ที่แม่นยำ และการสนับสนุนความร่วมมือประเทสกำลังพัฒนาผ่านความร่วมมือแบบ South-South Cooperation นอกจากนี้ ยังต้องส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว การทูต การค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาฐานข้อมูล (Big Data) การผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนของไทยให้เป็นรูปธรรม ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Green Supply Chain) และสู่เป้าหมาย Net Zero รวมทั้งการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมตามหลักการ
มีส่วนร่วม ธรรมาภิบาล หลักนิติธรรม การเปิดข้อมูลสาธารณะตลอดจนบูรณาการการทูตด้านสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายต่างประเทศหลัก การดำเนินการ….สิ่งแวดล้อมต้องควบคู่ไปกับประชาธิปไตยสิ่งแวดล้อม (Environmental democracy) ประกอบด้วย การเข้าถึงข้อมูล (Access to information) การมีส่วนร่วม (Participation) และการเข้าถึงหลักยุติธรรม (Access to justice)
ที่มา https://prachatai.com/journal/2025/11/115641