14 กันยายน 2568 ขวดเก่า-สู่ขวดใหม่ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ลุย EPR รับศึกใหญ่ ช่วยโลกลดขยะพลาสติก
จากข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ ปี 2566 ระบุว่า ประเทศไทยมีปริมาณขยะพลาสติกใช้ครั้งเดียวกว่า 3 ล้านตัน แต่ถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์เพียง 25% หรือ 0.75 ล้านตัน เท่านั้น สถานการณ์ดังกล่าวผลักดันให้ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ(ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าโครงการเชิงรุก เพื่อเพิ่มอัตราการเก็บกลับและรีไซเคิลขวดพลาสติก PET
โดยเฉพาะการส่งเสริมการรีไซเคิลแบบ Bottle-to-Bottle ที่ขวดใช้แล้วสามารถกลับมาเป็นขวดใหม่ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ผ่านการประยุกต์ใช้ หลักการความรับผิดชอบของผู้ผลิตที่ขยายออกไป (Extended Producer Responsibility: EPR) โดยมุ่งหวังให้เกิดระบบการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร และผลักดันการสร้าง ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในประเทศไทย
3 มิติสำคัญในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน
1. ต้นน้ำ: บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนตั้งแต่จุดเริ่มต้น : บริษัทเลือกใช้ขวดพลาสติก PET แบบใส ไม่มีสี ซึ่งสามารถรีไซเคิลได้ 100% พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาขวดน้ำหนักเบา ลดการใช้วัสดุใหม่ลงกว่า 30%
2. กลางน้ำ: สื่อสารเพื่อสร้างจิตสำนึกผู้บริโภค : บริษัทเชื่อว่าผู้บริโภคคือหัวใจของการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน จึงเน้นการสื่อสารผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ฉลากผลิตภัณฑ์ และกิจกรรมให้ความรู้ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อส่งเสริมการแยกขยะอย่างถูกต้องตามหลัก 3R (Reduce – Reuse – Recycle) พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกในการ “เห็นคุณค่าของขยะ” และมีส่วนร่วมในการรีไซเคิล
3. ปลายน้ำ: ขับเคลื่อนการจัดการหลังบริโภค : บริษัทนำหลักการ EPR มาต่อยอดเป็นกลยุทธ์ Packaging Sustainability ผ่าน 3 รูปแบบหลัก ได้แก่
– Packaging-Based Sustainability: เพื่อพัฒนาระบบรีไซเคิลและโมเดลต้นแบบ
– Area-Based Sustainability: ดำเนินโครงการ “ข.ขวด หมุนเวียนเป็นขวดใหม่” ในจังหวัดระยอง จัดตั้งสถานีซื้อขายขยะรีไซเคิล และจัดกิจกรรมให้ความรู้ในโรงเรียน
– Event-Based Sustainability: ส่งเสริมการคัดแยกขยะในงานเทศกาลดนตรี เช่น Big Mountain
ผลลัพธ์จากความร่วมมือเชิงระบบตั้งแต่ปี 2563–2567 ทำให้สามารถเก็บขวด PET ใช้แล้วได้กว่า 56,734 ตัน รวมถึงบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ เช่น กล่องเครื่องดื่ม UHT และซองบรรจุภัณฑ์ชนิดหลายชั้น ซึ่งช่วยลดการนำขยะไปฝังกลบ และเพิ่มศักยภาพการนำกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิลได้อย่างแท้จริง
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ (bangkokbiznews.com/environment/1198291)