26 สิงหาคม 2568 ‘นกเขตร้อน’ หาย 38% จากอากาศร้อนจัด ลูกนกรอดชีวิตยาก ร่างกายขาดน้ำ

ภูมิภาคบริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลก ตั้งแต่ป่าฝนในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ รวมถึงทุ่งหญ้าสะวันนาทางตอนเหนือของออสเตรเลีย เป็นที่อยู่อาศัยของ “นกเขตร้อน” หลายพันชนิด ไม่ว่าจะเป็นนกมาคอว์ นกทูแคน ไปจนถึงนกฮัมมิงเบิร์ด ซึ่งเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ร้อนและชื้น แต่เมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงขึ้น ภูมิภาคเขตร้อนมีวันที่ร้อนจัดจนเป็นอันตรายเพิ่มขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อ 40 ปีก่อน จากเฉลี่ยสามวันต่อปี เป็น 30 วัน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของนกประมาณ 72% ของทั่วโลกที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศเหล่านี้ ข้อมูลจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Ecology and Evolution ระบุว่า ระหว่างปี 1950-2020 เหตุการณ์ความร้อนจัดทำให้ประชากรนกเขตร้อนลดลงประมาณ 25–38% 

           “สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าเราต้องจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะสถานการณ์ความร้อนรุนแรงเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป” เจมส์ วัตสัน ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ การอนุรักษ์แห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์และหนึ่งในผู้เขียนรายงานการศึกษากล่าว

             ทีมวิเคราะห์ข้อมูลสังเกตการณ์ทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 90,000 รายการจากนกมากกว่า 3,000 ตัว และนำมาเปรียบเทียบกับบันทึกสภาพอากาศประจำวันย้อนหลังไปถึงปี 1940 เพื่อดูว่านกเหล่านี้ตอบสนองต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว รวมถึงการเกิดฝนฟ้าคะนองและคลื่นความร้อนอย่างไร นักวิทยาศาสตร์พบว่า
ความร้อนที่รุนแรงส่งผลให้ประชากรนกลดลงในบริเวณละติจูดต่ำกว่า 55 องศาเหนือหรือใต้ โดยผลกระทบที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในเขตร้อน ซึ่งหมายถึงละติจูดต่ำกว่า 23 องศา รายงานยังพบอีกว่า การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิสุดขั้วเป็นอันตรายต่อนกมากกว่า การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยรายปีที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

           ความร้อนจัดคร่าชีวิตนกเขตร้อน

             แนวคิดที่ว่าประชากรนกกำลังลดลงอย่างรวดเร็วไม่ใช่เรื่องใหม่ จากการศึกษาในปี 2019 พบว่า จำนวนนกในสหรัฐและแคนาดาลดลง 30% นับตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งบ่งชี้ถึงการสูญเสียนกเกือบ 3,000 ล้านตัว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากผลกระทบโดยตรงจากมนุษย์ เช่น การสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยจากการทำเกษตรกรรมการตัดไม้ การทำเหมือง หรือแม้แต่การบินชนอาคาร

 

            จากการศึกษาพบว่า ในป่าฝนที่อยู่ห่างไกลและเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า 2 แห่งในปานามา มีจำนวนนกลดลงมากกว่า 50% โดยในป่าหนึ่งเริ่มลดลงในช่วงระหว่างปี 1977-2020 ส่วนอีกที่เกิดระหว่างปี 2003-2022 เมื่อนกต้องเผชิญกับความร้อนสูงจัด พวกมันอาจเข้าสู่ภาวะไฮเปอร์เทอร์มิก (hyperthermic) อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นจนถึงระดับอันตราย เนื่องจากนกไม่สามารถขับเหงื่อได้ ภายใต้สภาวะเช่นนี้ พวกมันสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็วผ่านการระบายความร้อนด้วยการระเหย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการหอบ (การระเหยของระบบทางเดินหายใจ) และในบางสายพันธุ์อาจมีอาการกระพือปีก (การสั่นของผิวหนังคออย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ) รวมถึงการระเหยผ่านผิวหนัง เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น กระบวนการเหล่านี้จะเร่งตัวขึ้น ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำอย่างมีนัยสำคัญ เว้นแต่นกจะสามารถดื่มน้ำได้บ่อยขึ้นหรือเข้าถึงอาหารที่มีความชื้นมากกว่าภาวะนี้จะทำให้นกขาดน้ำหรือสับสน และในบางกรณีอาจหมดสติและตกจากกิ่งไม้ หากนกรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ พวกมันอาจได้รับความเสียหาย
ระยะยาว เช่น อวัยวะล้มเหลวจากความร้อนและความสามารถในการสืบพันธุ์ลดลง 

ที่มา : กรุงเทธุรกิจ (https://www.bangkokbiznews.com/environment/1195379)

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy