Nature Positive แนวคิดการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ
ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตหลัก 3 ประการ (The Triple Planetary Crisis) ซึ่งประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของมลพิษ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ วิกฤตทั้งสามเรื่องนี้เป็นปัญหาที่มีความเชื่อมโยงกัน โดยในส่วนของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพเป็นการลดลงหรือการหายไปของความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งรวมถึงพืช สัตว์ และระบบนิเวศที่เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสิ่งมีชีวิต การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพมีสาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเพิ่มขึ้นของภาวะมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลให้ระบบนิเวศเสื่อมโทรมและสูญเสียบริการจากระบบนิเวศ (Ecosystem service) เกิดการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต ส่งผลให้แนวโน้มอัตราการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพส่งผลกระทบโดยตรงต่อมนุษย์ เนื่องจากความหลากหลายทางชีวภาพเป็นฐานของทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต ความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงการลดผลกระทบจากภัยธรรมต่าง ๆ ด้วย ที่ผ่านมาโลกยังขาดเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ในการจัดการวิกฤตการณ์ด้านธรรมชาติโดยเฉพาะการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งส่งผลให้เกิดแนวคิด Nature Positive ขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 2019
World Economic Forum (2021) ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า Nature Positive ว่าหมายถึง “การเสริมสร้างความยืดหยุ่นของโลกและสังคม เพื่อหยุดยั้งความเสียหายก่อนที่จะเกิดการสูญเสียธรรมชาติที่ดีของโลกตลอดไป” หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นแนวคิดการดำเนินงานที่เป็นมิตรกับธรรมชาติโดยเป็นวิธีการที่จะทำทุกอย่างที่จะทำให้เกิดผลบวกหรือผลดีต่อธรรมชาติให้มากที่สุด เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศให้มีความแข็งแรง มากกว่าการยอมรับกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับระบบนิเวศ เป็นการหยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและฟื้นฟูธรรมชาติที่ถูกทำลายลง
Nature Positive หรือ ธรรมชาติเชิงบวก เป็นแนวคิดการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจากความพยายามของนักวิทยาศาสตร์และองค์กรสิ่งแวดล้อมระดับโลก ในการกำหนดเป้าหมายระดับโลกที่ชัดเจนสำหรับธรรมชาติ ซึ่งอาจเปรียบเทียบได้กับการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ของข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) แนวคิด Nature Positive ได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลกผ่านการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 (CBD COP15) เมื่อปี ค.ศ. 2022 ซึ่งได้มีการรับรองกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก (Kunming-Montreal Global Biodiversity Flamework: KM-GBF) หรือแผนความหลากหลายทางชีวภาพของโลก (The Biodiversity Plan) Nature Positive ถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมายระดับโลกที่มุ่งหยุดยั้งและฟื้นฟูการสูญเสียธรรมชาติภายในปี ค.ศ. 2030 โดยใช้ปี ค.ศ. 2020 เป็นฐาน และมุ่งให้เกิดการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2050 โดยกำหนดเป้าหมายเป็นสามช่วงเวลา (ภาพที่ 1) ประกอบด้วย
- ไม่มีการสูญเสียธรรมชาติเพิ่มเติม (Zero Net Loss): หยุดการสูญเสียพื้นที่ธรรมชาติภายในปี ค.ศ. 2020 คือต้องดำเนินการหยุดการทำลายเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ธรรมชาติและทรัพยากรสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 เป็นต้นไป
- ธรรมชาติเป็นบวกสุทธิ (Net Positive): เพิ่มพื้นที่ธรรมชาติภายในปี ค.ศ. 2030 คือจะต้องมีพื้นที่ธรรมชาติเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2020 โดยมุ่งเน้นให้เกิดการฟื้นฟูธรรมชาติที่ชัดเจน
- ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ (Full Recovery) ฟื้นฟูธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี ค.ศ. 2050 โลกต้องกลับสู่สมดุลเชิงนิเวศเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่กับการมีธรรมชาติที่สมบูรณ์และยั่งยืน เพื่อความอยู่รอดของทุกชีวิต
การบรรลุเป้าหมาย Nature Positive จะพิจารณาจากการรักษาและฟื้นฟูสายพันธุ์ ระบบนิเวศ และ กระบวนการทางธรรมชาติในทุกระดับ (ระดับโลก ระดับประเทศ และระดับภูมิประเทศ) ตัวอย่างเช่น ความอุดมสมบูรณ์ การกระจาย ความอุดมสมบูรณ์และความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของชนิดพันธุ์ ขอบเขตและความสมบูรณ์ทางนิเวศของถิ่นที่อยู่อาศัย ความสมบูรณ์ทางอุทกวิทยา รูปแบบการอพยพ การกักเก็บคาร์บอน เป็นต้น
การฟื้นฟูการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการต่อสู้กับปัญหาภาวะโลกเดือดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งยังคุกคามชีวิตมนุษย์และการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ Nature Positive ยังมีส่วนช่วยในการป้องกันการระบาดใหญ่ของแหล่งกำเนิดโรคจากสัตว์สู่คนในอนาคต การจัดการกับความไม่มั่นคงทางน้ำและอาหาร สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนและความเสมอภาค ตลอดจนการยอมรับและจัดการกับสิทธิและการมีส่วนร่วมของชนพื้นเมือง รวมถึงประชาชน
ทุกคนมีส่วนสำคัญที่จะร่วมดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อร่วมกันบรรลุเป้าหมายธรรมชาติเชิงบวก ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยการมีส่วนร่วมในการหยุดยั้งและฟื้นฟูการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยการรับผิดชอบต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การทำร้ายหรือทำลายให้น้อยลง แต่คือการหันมาทำทุกอย่างที่จะส่งผลบวกหรือผลดีต่อธรรมชาติให้มากที่สุด โดยสามารถเริ่มได้จากตัวเราเองและลงมืออย่างจริงจัง ตัวอย่างง่ายๆ เช่น การบริโภคอาหารในแต่ละมื้อ ก็ควรกินให้หมดไม่เหลือทิ้ง เนื่องจากอาหารต่าง ๆ ที่เราบริโภคทั้งพืชและสัตว์ก็เป็นส่วนหนึ่งของความหลากหลายทางชีวภาพ หรือการเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยอาจเริ่มจากการปลูกต้นไม้ที่ริมระเบียง ถ้าบ้านใครมีพื้นที่เยอะก็อาจปลูกเป็นพืชผักสวนครัวหรือไม้ผล เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูระบบนิเวศ และช่วยปกป้องอนาคตที่น่าอยู่ สร้างผลเชิงบวกต่อธรรมชาติ เพื่อการมีธรรมชาติที่สมบูรณ์และยั่งยืนสำหรับทุกชีวิตตลอดไป
บทความโดย นางสาวพัชรพร นำตระกูลพัฒนา นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ กองจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ (กลช.)
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ KM for Journey to be the writers SS3
เอกสารอ้างอิง
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี. (2565). Nature-Positive เทรนด์ใหม่ต้องจับตา กลุ่ม G7 ยักษ์ใหญ่ของโลกใช้ผลักดันการทำธุรกิจ. https://www.smethailandclub.com/entrepreneur/7890.html
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2567). Triple Planetary Crisis วิกฤตหลัก 3 ประการที่มนุษย์โลกปัจจุบันกำลังเผชิญอยู่. https://www.onep.go.th/road-to-cbd-cop16-4-67/
Dr Tara Garraty. (2023). Embracing Nature Positivity and Science-Based Targets. https://www.tunley-environmental.com/en/insights/embracing-nature-positivity-and-science-based-targets
The Nature Positive Initiative. (2025). What is Nature Positive. https://www.naturepositive.org/what-is-nature-positive/
World Economic Forum. (2021). What is ‘nature positive’ and why is it the key to our future?. https://www.weforum.org/stories/2021/06/what-is-nature-positive-and-why-is-it-the-key-to-our-future/