9 พฤศจิกายน 2568 ไทยร่วมประชุม COP30 บราซิล ผลักดัน 5 ประเด็นรับมือโลกเดือด
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงการเตรียมเข้าร่วมประชุม COP30 ณ เมืองเบเล็ง สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ระหว่างวันที่ 10-21 พฤศจิกายน 2568 โดยได้มอบหมายให้ นางสาวภัทรานันท์ ทองประพาฬ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เป็นผู้แทนปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ระหว่างวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2568
โดยประเทศเจ้าภาพได้กำหนดแนวคิด “โกลบอล มูชิราว (Global..Mutirão)”..ที่มีความหมายว่า “การรวมพลังของประชาคมโลกเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” มุ่งเน้น 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1.การจัดส่งเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับที่ 2 (NDC 3.0)
2.การจัดทำตัวชี้วัดตามเป้าหมายการปรับตัวต่อผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลก (Global..Goal on Adaptation: GGA)
3.การผลักดันแผนที่นำทางตามเป้าหมายการเงินใหม่จำนวน 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี
ค.ศ. 2035 (Baku to Belém Roadmap to 1.3T)
4.กองทุนสำหรับความสูญเสีย และความเสียหาย (FRLD)
5.การครบรอบ 10 ปีของความตกลงปารีส
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของประเทศไทย ภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ ยังได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดแสดงนิทรรศการใน Thailand Pavilion ภายใต้แนวคิด 5C ได้แก่ Climate Policy, Climate Action, Climate Finance, Climate Resilience และ Climate Literacy และ Technology and Innovation Zone ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการกักเก็บคาร์บอน รวมถึงมีเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และประสบการณ์ ระหว่างนักวิชาการ ผู้แทนรัฐบาล องค์กรเอกชน ผู้แทนเยาวชน และองค์กรระหว่างประเทศ มากกว่า 30 หัวข้อ เช่น ด้านการเงิน การปรับตัว เทคโนโลยีและนวัตกรรมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น การสร้างสังคมที่เท่าเทียมและเป็นธรรม รวมถึงการแสดงพลังของเยาวชนทั่วโลก ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2568 เห็นชอบต่อร่างเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับที่ 2 (NDC 3.0) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเร่งเป้าหมาย Net Zero ให้เร็วขึ้น 15 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับ
1.5 ºC Pathway ตามนโยบายของรัฐบาลข้อ 13 การผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ (Economy-wide) ณ ปี ค.ศ. 2035 (พ.ศ. 2578) และเร่งเพิ่มเป้าหมายการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกในภาคป่าไม้ และการใช้ประโยชน์ที่ดิน (LULUCF) ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ 152 MtCO2eq หรือลดลงร้อยละ 47 จากระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี ค.ศ. 2019 รวมถึงได้จัดทำแผนการลงทุนเพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ 230,000 ล้านบาท ในการสนับสนุนไทยลดก๊าซเรือนกระจก 32.8 MtCO2eq ตามเงื่อนไขของความตกลงปารีส
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (https://www.bangkokbiznews.com/news/1206311)