8 ตุลาคม 2566 มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำรับมือ ‘ภาวะโลกเดือด’ เดินหน้าใช้พลังงานทดแทนเพิ่ม

นายเศรษฐา กล่าวบนเวที ESG Symposium 2023

ที่มา: https://www.komchadluek.net/quality-life/environment/560287

“ภาวะโลกเดือด” (Global Boiling) เริ่มส่งสัญญาณมายังโลกอย่างต่อเนื่องและเริ่มส่งผลกระทบต่อสังคม รวมไปถึงผลกระทบความมั่นคงทางด้านอาหาร สุขภาพ และภาวะเศรษฐกิจอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในกิจกรรม ร่วม เร่ง เปลี่ยน สู่สังคมคาร์บอนต่ำ ภายในงาน ESG Symposium 2023: Accelerating Changes towards Low Carbon Society เพื่อแสดงเจตนารมย์ว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญที่จะสร้างประเทศให้กลายเป็นประเทศสังคมคาร์บอนต่ำ และสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030

นายเศรษฐา กล่าวบนเวที  ESG Symposium 2023 ว่า ปัจจุบัน “ภาวะโลกเดือด” ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ขอคนทั่วโลก หากทุกฝ่ายเดินหน้าไปตามกลยุทธ์ ESG ที่เน้นสร้างเศรษฐกิจ ควบคู่กับสมดุลทางสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างโปร่งใส มุ่งสู่เป้าหมาย Sustainable Development Goals (SDGs) ของสหประชาชาติ เราจะสามารถกู้โลกให้หลุดพ้นจาก “ภาวะโลกเดือด” ไปได้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินทางไปร่วมประชุม UN พร้อมกับประกาศแนวทางที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำผ่านมาตรการต่าง ๆ ไม่ว่าเป็นมาตรการทางการเงินที่เพื่อลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว และ Thailand Green Taxonomy เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากภาคธุรกิจไทย โดย Global Compact Network Thailand กว่า 100 บริษัททั่วประเทศ พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และตั้งเป้าลงทุน 1.6 ล้านล้านบาท ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ SDGs ภายในปี พ.ศ.2573

นายเศรษฐา กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การแก้ปัญหาวิกฤต “ภาวะโลกเดือด” เป็นไปอย่างเป็นรูปธรรมดังนั้นรัฐบาลจึงได้บรรจุการลดก๊าซเรือนกระจกในแผนของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นเอกชน การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหน่วยงานรัฐ และภาคประชาชน และรัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เป็นวาระแห่งชาติ รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับระบบบริหารจัดการขยะ การจัดหาสินค้ากรีนเพื่อสร้างระบบ ECOSYSTEM อีกทั้งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดให้เต็มประสิทธิภาพ และศึกษาการเปิดให้สามารถซื้อ-ขายไฟฟ้าจาก Renewable Source หรือ แหล่งพลังงานทดแทน ได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดแข็งของประเทศไทยในการดึงดูดนักลงทุน และบริษัทต่างชาติในอนาคต

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy