ที่มา: https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2411210

ประเทศอิรักได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด โดยเฉพาะทางตอนใต้ประสบปัญหาภัยแล้งรุนแรงเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อป้องกันไม่ให้พืชผลเผชิญภาวะแห้งแล้ง จึงผันน้ำปริมาณมากลงมาจากอ่างเก็บน้ำในเมืองโมซูล ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่สำคัญที่สุดของอิรัก ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ทว่างานนี้กลับนำไปสู่การปรากฏขึ้นเมืองโบราณที่จมอยู่ข้างใต้อีกครั้ง ทีมนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยไฟร์บวร์ก มหาวิทยาลัยทือบิงเงินในเยอรมนี และองค์การโบราณคดีเคอร์ดิสถานในอิรักระบุว่า เมืองโบราณอันกว้างขวาง มีพระราชวังและโครงสร้างสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งซึ่งจมอยู่ใต้น้ำของแม่น้ำไทกริส อาจเป็นเมืองซาคิคู (Zakhiku) ที่เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรมิตานนี (ค.ศ.1550-1350 ก่อนคริสตกาล) อายุ 3,400 ปี ทีมเผยว่า ตกตะลึงกับสภาพของกำแพงที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ พบภาชนะเซรามิก 5 ใบที่บรรจุแผ่นจารึกอักษรคูนิฟอร์มมากกว่า 100 ชิ้นจากสมัยอัสซีเรียตอนกลาง นักโบราณคดีหวังว่า การค้นพบนี้จะให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการล่มสลายของเมืองในสมัยอาณาจักรมิตานนี และการเริ่มต้นการปกครองของชาวอัสซีเรียในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม การปรากฏที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้นักโบราณคดีถูกกดดันอย่างกะทันหัน ทั้งการรีบขุดค้น และจัดทำเอกสารอย่างน้อยบางส่วนของเมืองโบราณดังกล่าวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่เมืองจะจมลงน้ำไปอีกครั้ง เพราะไม่ชัดเจนว่าน้ำในอ่างเก็บน้ำจะสูงขึ้นอีกเมื่อใด