6 สิงหาคม 2568 แบตเตอรี่พลังน้ำ ทางเลือกอนาคต เสริมความมั่นคงพลังงาน
ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาที่ท้าทายระดับโลก การพัฒนาพลังานสะอาดโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ (Pumped-Storage Hydropower Plant : PSH) จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยความสามารถในการกักเก็บพลังงานเพื่อเสริมระบบไฟฟ้าในช่วงที่พลังงานหมุนเวียนอื่นๆ อย่างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลม ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ ช่วยทำให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง ลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต
โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเปรียบได้กับ “แบตเตอรี่พลังน้ำ” เพราะเป็นการกักเก็บพลังงานด้วยพลังน้ำ โดยอาศัยหลักการเปลี่ยนพลังงานศักย์ของน้ำให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ จะสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำที่อยู่ด้านล่างขึ้นมากักเก็บไว้ยังอ่างเก็บน้ำด้านบน และเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง หรือในช่วงเวลาที่พลังงานหมุนเวียนไม่สามารถผลิตได้ น้ำจะถูกปล่อยจากอ่างเก็บน้ำด้านบนผ่านกังหันน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าระบบ ส่งมอบพลังงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพภายใน 5 นาที เปรียบเสมือนเป็นแบตเตอรี่พลังน้ำ พร้อมผลิตไฟฟ้าปริมาณมากได้ทันทีที่ระบบไฟฟ้าต้องการ นอกจากนี้ ด้วยการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ ถือเป็นการผลิตไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำ เพราะไม่มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับแล้ว 3 แห่ง ที่เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี กำลังผลิต 360 เมกะวัตต์ , เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก กำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ และมีแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการฯ ตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ ที่เขื่อน จุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุมัติโครงการจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีแผนจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2577 และมีโครงการซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม (FS) 2 โครงการ ที่เขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี มีแผน COD ปี 2579 และเขื่อนกะทูน จังหวัดนครศรีธรรมราช มีแผน COD ปี 2580 นอกจากนี้ยังมีโครงการขยายเพิ่มความจุของอ่างเก็บน้ำตอนบนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตะคองฯ ซึ่งอยู่ในระหว่างการจัดสรรพื้นที่ และศึกษาและจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นระบบกักเก็บพลังงานรักษาความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศ รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงานที่สำคัญ คือการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า ให้มีความมั่นคงในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด โดยมี Pain point เรื่องความผันผวนไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียนเป็นโจทย์ใหญ่ ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ คือหนึ่งในทางเลือกสำคัญที่จะช่วยให้ช่วงการเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างมั่นคง พร้อมสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อความยั่งยืนทางพลังงาน…ช่วยให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น
ที่มา: dailynews (www.dailynews.co.th/news/4969077)