3 กันยายน 2564 ครอบครัวนกกระเรียนพันธุ์ไทยโชว์ตัว

ที่มา:
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9640000087093
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) เผยแพร่ภาพครอบครัวนกกระเรียนไทย ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ พร้อมเชิญชวนคนไทยช่วยกันอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยในพื้นที่ชุ่มน้ำ 3 แห่งใน จ.บุรีรัมย์ ได้แก่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก อ.เมืองบุรีรัมย์ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด อ.เมืองบุรีรัมย์ และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน อ.ประโคนชัย ซึ่งที่นี่ยังเป็นพื้นที่สำคัญต่อการดำรงอยู่ของนกอีกหลายชนิด นกกระเรียนไทย (Sarus Crane) เป็น 1 ในสัตว์ป่าสงวน 19 ชนิดของประเทศไทย ไม่พบรายงานในธรรมชาติของประเทศไทยมานานร่วม 50 ปี ต่อมาด้วยความร่วมมือระหว่างองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมกันเพาะพันธุ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยในกรงเลี้ยง พร้อมศึกษาแหล่งที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม จนกระทั่งเมื่อปี 54 ได้ดำเนินการปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติเป็นครั้งแรกที่ จ.บุรีรัมย์
นกกระเรียนไทยเป็นนกขนาดใหญ่ เมื่อยืนสูงถึง 1.8 ม. คอยาว หัวและคอเป็นหนังเปลือยสีแดงสด กระหม่อมเป็นแผ่นกระดูกแข็งสีเทา ขนลำตัวสีเทา ขายาวสีแดงสด พบตามท้องนาและพื้นที่ชุ่มน้ำต่าง ๆ ของประเทศไทย ปัจจุบันมีสถานะการอนุรักษ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ (VU)
ทั้งนี้ นกกระเรียนไทยไม่ใช่นกอพยพทางไกลเหมือนนกกระเรียนชนิดอื่น ๆ แต่ก็อพยพเป็นระยะทางช่วงสั้น ๆ ในฤดูแล้งและฤดูฝน ประชากรนกกระเรียนที่มีการอพยพนั้นพบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น นกกระเรียนที่จับคู่จะปกป้องอาณาเขตจากนกกระเรียนอื่นด้วยเสียงร้องกู่ร้อง “แกร๋…แกร๋…” ดังเหมือนแตรและกางปีก ส่วนนกที่ยังไม่จับคู่ก็มักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง