29 มกราคม 2565 พบบ้านพักตากอากาศม่อนแจ่มบุกรุกพื้นที่ป่า

ที่มา : https://www.banmuang.co.th/news/region/267588
เจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) เข้าตรวจสอบพื้นที่ม่อนแจ่ม ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังมีพลเมืองดีร้องเรียน ว่ามีผู้มีอิทธิพล นายทุน สร้างบ้านพักตากอากาศเพื่อบริการนักท่องเที่ยวขึ้นใหม่ โดยได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ส่วนจัดการที่ดินป่าไม้ สจป.1 (เชียงใหม่) เจ้าหน้าที่ศูนย์ป่าไม้เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน ตำรวจกองกำกับการ 4 บก.ปทส. เจ้าหน้าที่สำนักงานคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ริม เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดเชียงใหม่ และฝ่ายปกครองอำเภอแม่ริม โดยแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด เข้าตรวจสอบเป้าหมาย 2 จุด
จุดแรกอยู่ติดกับสถานประกอบกิจการแห่งหนึ่ง ตรวจพบมีการบุกรุกพื้นที่ป่า 0-2-72 ไร่ และก่อสร้างบ้านพักพักตากอากาศ 2 หลัง โดยมีการต่อระบบน้ำ ระบบไฟ และเส้นทางเดิน เชื่อมมาจากรีสอร์ทใกล้กัน ซึ่งจากการขยายผลพบว่าเป็นของนักการเมืองท้องถิ่น จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ตรวจพบมีการบุกรุกพื้นที่ป่า 1-3-92 ไร่ และมีสิ่งก่อสร้าง รวมทั้งบ้านพักตากอากาศ 20 รายการ จากการขยายผลตรวจสอบพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงการทำประโยชน์ ขยายพื้นที่ ก่อสร้างบ้านพักตากอากาศ และเปลี่ยนมือจากผู้ถือครอง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งทั้ง 2 จุด เจ้าหน้าที่ได้นำเรื่องราว และรวบรวมเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่ริม เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ในข้อหาตามพระราชบัญัติป่าไม้ 2484 พระราชบัญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ประมวลกฎหมายที่ดิน พระราชบัญัติควบคุมอาคาร 2522 และพระราชบัญัติโรงแรม 2547
สำหรับพื้นที่ม่อนแจ่ม อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร โดยที่ผ่านมากรมป่าไม้ ได้เข้าทำการควบคุม และอยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทแก้ไขปัญหาร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่และชุมชน ซึ่งได้มีการพูดคุยกับชุมชนแล้วว่าให้ยุติการก่อสร้างที่พักนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมไว้ก่อน กระทั้งได้มีประกาศห้ามนำอิฐ หิน ปูน ทราย ขึ้นไปทำการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ เว้นแต่สร้างที่พักอาศัยเพื่อการดำรงชีพเท่านั้น แต่ยังคงพบว่ามีการลักลอบก่อสร้างที่พักนักท่องเที่ยว จนเป็นที่มาของการเข้าตรวจสอบและดำเนินคดี โดยก่อนหน้านี้มีการดำเนินคดีกับนายทุนที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่ม่อนแจ่มแล้วกว่า 35 ราย ซึ่งคดีความอยู่ในชั้นอัยการ