ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/foreign/2299346

ชาวญี่ปุ่น 6 คนยื่นฟ้องร้องบริษัท โตเกียว อิเล็กทรอนิก พาวเวอร์ (TEPCO) ผู้ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา เนื่องจากพวกเขาป่วยเป็นมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ หลังเกิดวิกฤติรังสีรั่วไหลที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ.2554 ผู้ยื่นฟ้องร้องกลุ่มนี้มีอายุระหว่าง 6-16 ปี ในตอนที่เกิดแผ่นดินไหวระดับ 9.1 แมกนิจูดบริเวณชายฝั่งทางตะวันออกของโทโฮคุ เมื่อ 11 มี.ค. 2554 สร้างคลื่นสึนามิหลายลูกสูงสุดถึง 40 ม. ซัดเข้าฝั่ง สร้างความเสียหายแก่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมา เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 เครื่องหยุดทำงาน แกนนิวเคลียร์หลอมละลายจนกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลออกมา หลายปีหลังจากนั้น ชาวญี่ปุ่นทั้ง 6 คนนี้ก็พบตัวเองป่วยเป็นมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ และต้องผ่าตัดต่อมบางส่วนออกไป ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า สาเหตุเกิดจากการสัมผัสกับกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมา จึงตัดสินใจร่วมกันฟ้องร้องบริษัท TEPCO เรียกร้องค่าชดเชย 5.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 179.8 ล้านบาท) โดยสิ่งที่พวกเขาต้องทำให้สำเร็จ คือ พิสูจน์ให้ได้ว่า กัมมันตภาพรังสีเป็นสาเหตุให้พวกเขาเป็นมะเร็งจริง ด้านโฆษกของ TEPCO ระบุว่า ทางบริษัททราบเรื่องการฟ้องร้องแล้ว และจะพูดถึงเรื่องนี้หลังได้เห็นรายละเอียดแล้ว

ทั้งนี้ หายนะฟูกูชิมาถูกยกเป็นวิกฤตินิวเคลียร์รั่วไหลครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่หายนะที่เชอร์โนบิลเมื่อปี พ.ศ.2529 แต่คาดกันว่า ความเสียหายต่อประชาชนท้องถิ่นจะน้อยกว่า เพราะรังสีที่รั่วออกมามีคุณภาพต่ำกว่ามาก อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในระยะยาวยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดู รายงานขององค์การอนามัยโลกในปี พ.ศ.2556 ระบุว่า หายนะครั้งนี้ไม่ทำให้อัตราการเกิดมะเร็งในภูมิภาคเพิ่มขึ้นจนสังเกตเห็นได้ อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2561 รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า พนักงานคนหนึ่งเสียชีวิตหลังจากสัมผัสกับกัมมันตภาพรังสี และรัฐตกลงจะชดเชยให้แก่ครอบครัวของเขา