26 ธันวาคม 2562 จัดแถว “ม่อนแจ่ม” วราวุธ ศิลปอาชา ให้ทำเกษตรไม่ใช่สร้างรีสอร์ต

ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/north/1734428
รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับผู้ประกอบการ ที่บุกรุกพื้นที่ป่าม่อนแจ่ม ที่ผ่านมากรมป่าไม้มีข้อตกลง และมาตรการร่วมกับชุมชนที่ม่อนแจ่มแล้ว ดังนั้นหากใครกระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะใหญ่มาจากไหน หรือมีเพาเวอร์ขนาดไหน แต่ไม่ใหญ่ไปกว่าตนแน่นอน เพราะหากมาบุกรุกพื้นที่ป่าตนจะดำเนินการอย่างเต็มที่
ขณะนี้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกรายใหญ่แล้ว 3 ราย ส่วนผู้ประกอบการรายใดที่อยู่ก่อน และบุกรุกเพิ่มเติมต้องรื้อถอนเช่นกัน และจะทยอยดำเนินคดีกับผู้บุกรุกจนกว่าสภาพที่ม่อนแจ่มจะกลับมาเป็นพื้นที่ ทางการเกษตรเหมือนเดิม เพราะจุดประสงค์ของพื้นที่ ม่อนแจ่ม คือ ต้องการให้เกษตรกรเข้าไปทำประโยชน์ ทางการเกษตร ไม่ได้ให้เข้าไปทำรีสอร์ตในพื้นที่ป่า ดังนั้นผู้ที่เข้าไปต้องทำความเข้าใจตั้งแต่แรกว่าเข้าไปด้วยวัตถุประสงค์ใด ส่วนที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบนักการเมือง หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงบุกรุกที่ป่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมว่ามีการบุกรุกพื้นที่ใดบ้างซึ่งจะดำเนินคดีทุกกรณี โดยกรมป่าไม้ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกระทรวงยินดีให้ความร่วมมือทุกขั้นตอน ไม่มีการยกเว้น หรือละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อถามว่าได้ขีดเส้นตายในการดำเนินคดีให้เสร็จสิ้นเมื่อไรหรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า ไม่ได้ขีดเส้นตายไว้ แต่จุดประสงค์ในโครงการป่าม่อนแจ่ม ระบุไว้ชัดเจนให้ทำเป็นพื้นที่เกษตร ไม่ใช่ให้ทำรีสอร์ต แม้การทำรีสอร์ตจะรายได้ดีกว่าการทำเกษตร แต่ต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ที่ทางรัฐตกลงร่วมกับชุมชนในพื้นที่ ดังนั้นต้องทำตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งร่วมกันตั้งแต่ทีแรก
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เคยคุยกับพี่น้องชาวไทยภูเขา ชี้แจงให้ทราบแล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุม ไม่ให้เกิดความเสียหายกับพื้นที่ป่า แต่ชาวไทยภูเขากลับอยากเปลี่ยนอาชีพมาสร้างรีสอร์ต กางเต็นท์ ทำสิ่งปลูกสร้างเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และจะทำเช่นนี้เหมือนกันหมด กรมป่าไม้จึงจัดระเบียบไว้ และมีกติการ่วมกันว่าไม่ให้มีการขยายพื้นที่ทำรีสอร์ตแล้ว ให้ชาวไทยภูเขาทำเท่าที่ดำเนินการไปแล้ว ส่วนพวกนายทุน และกลุ่มคนที่ขาดคุณสมบัติจะถูกดำเนินคดีทั้งหมด
ล่าสุดมีการดำเนินคดีไปแล้ว 3 ราย และจะมีการขยายผลเพิ่มเติม ส่วนที่เป็นเจ้าของเดิมจะขอความร่วมมือ หากส่วนใดไม่เหมาะสม เสี่ยงอันตรายหรือกระทบต่อระบบนิเวศจะขอความร่วมมือให้รื้อออก มิเช่นนั้นจะเหมือนกรณีภูทับเบิก หากไม่เชื่อฟังต้องเอาจริง เบื้องต้นได้ตั้งกองอำนวยการในพื้นที่แล้ว พร้อมขอให้ กอ. รมน. มาร่วมด้วย
อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวต่อว่า ปัญหาของม่อนแจ่ม คือ มีการใช้ที่ดินผิดประเภท สร้างสิ่งปลูกสร้างรองรับนักท่องเที่ยวแทนการทำเกษตร มีการบุกรุกพื้นที่ป่า รวมทั้งปัญหาเรื่องของการซื้อขายเปลี่ยนมือ ปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกลดลง กลายเป็นรีสอร์ตที่พักกระจายอยู่บนเนินเขา ดังนั้นต้องเร่งจัดระเบียบก่อนที่จะเละไปมากกว่านี้