22 ตุลาคม 2568 ไทยผลิต’แร่หายาก’อันดับ4ของโลก อาวุธใหม่ศึกการค้าหรือภัยสิ่งแวดล้อม?
ในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่านมา หนึ่งในทรัพยากรที่ถูกนำมาใช้เป็น “อาวุธทางเศรษฐกิจ” อย่างชัดเจนคือ “แร่ธาตุหายาก” (Rare Earths) วัตถุดิบสำคัญที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตั้งแต่เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์พลังงานสะอาด ไปจนถึงเครื่องมือทางการแพทย์ขั้นสูง และในสนามนี้ จีนคือผู้เล่นที่ถือไพ่เหนือกว่า เพราะเป็นทั้งผู้ผลิตรายใหญ่และประเทศที่มีทรัพยากรแร่หายากมากที่สุดในโลก
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจกลับมาปะทุอีกครั้ง หลังจากจีนประกาศใช้มาตรการใหม่อย่างครอบคลุมเพื่อจำกัดการส่งออกแร่หายาก โดยกำหนดให้บริษัทต่างชาติที่ต้องการส่งออกสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่เหล่านี้ แม้เพียงเล็กน้อย ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนล่วงหน้า และต้องระบุวัตถุประสงค์การใช้งานอย่างชัดเจน ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบโต้ทันทีด้วยการขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มอีก 100% และเตรียมออกข้อจำกัดใหม่ต่อการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญบางประเภท เพื่อปกป้องเศรษฐกิจเทคโนโลยีของตนเอง
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าในยุคเศรษฐกิจโลกใหม่ “แร่หายาก” กำลังกลายเป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ ที่ประเทศต่าง ๆ สามารถใช้ต่อรองทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ได้อย่างทรงพลัง และสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ ประเทศไทยเองก็มีทรัพยากรแร่หายาก และเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานโลกในฐานะผู้ผลิตรายหนึ่ง
ในบทความนี้ SPOTLIGHT จะพาผู้อ่านสำรวจว่า ประเทศไทยมีแร่หายากมากน้อยเพียงใดผลิตได้เท่าไร มีชนิดใดบ้าง และหากต้องการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายากจริง ๆ ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายและเงื่อนไขสำคัญอะไรบ้างในการเดินหน้าเข้าสู่สนามทรัพยากรแห่งอนาคตนี้
แร่หายากคืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก แร่หายากเป็นกลุ่มของโลหะหนัก17 ชนิด ประกอบด้วยธาตุเคมี ได้แก่ ซีเรียม (cerium), พราเซโอไดเมียม (praseodymium), นีโอไดเมียม (neodymium), โพรมีเทียม (promethium), ซามาเรียม (samarium), ยูโรเปียม (europium), แกโดลิเนียม (gadolinium), เทอร์เบียม (terbium), ดิสโพรเซียม (dysprosium), โฮลเมียม (holmium), เออร์เบียม (erbium), ทูเลียม (thulium), อิตเทอร์เบียม (ytterbium), ลูทีเทียม (lutetium) และแลนทานัม (lanthanum) ซึ่งเป็นธาตุต้นแบบของกลุ่ม รวมถึงสแกนเดียม (scandium) และอิตเทรียม (yttrium) ทั้งหมดนี้เรียกรวมกันว่า “แร่แรร์เอิร์ธ” หรือ “ธาตุหายาก”
แม้แร่เหล่านี้จะพบได้ทั่วไปในธรรมชาติ แต่เหตุที่ถูกเรียกว่า “หายาก” มาจากความยากในการสกัดให้ได้ในรูปแบบบริสุทธิ์ โดยมักกระจายตัวปะปนอยู่กับแร่ชนิดอื่นในปริมาณน้อย อีกทั้งกระบวนการสกัดต้องใช้สารเคมีเข้มข้นและก่อให้เกิดของเสียที่เป็นพิษจำนวนมาก จึงทำให้ต้นทุนการผลิตสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา : www.amarintv.com (https://www.amarintv.com/spotlight/economy/528105)