ที่มา: https://www.nationtv.tv/news/378841209

เจ้าหน้าที่นักอนุรักษ์เปิดเผยว่า นกเพนกวินแอฟริกันที่เสี่ยงสูญพันธุ์กว่า 60 ตัวตายที่อาณานิคมเพนกวินแอฟริกัน ที่ชายหาดโบลเดอร์ เมืองไซมอนส์ทาวน์ ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกในประเทศแอฟริกาใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากถูกฝูงผึ้งน้ำหวานเคปรุมต่อย 

ด็อกเตอร์ คัตต้า ลูดิเนีย ผู้จัดการฝ่ายวิจัยของมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์นกริมชายฝั่งของประเทศแอฟริกาใต้เรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นอุบัติเหตุประหลาดที่ไม่ธรรมดา ซากของนกเพนกวิน 63 ตัวเหล่านี้ถูกพบในช่วงเช้าวันศุกร์ และจากการตรวจสอบซากนกในเบื้องต้นพบว่า นกเพนกวินเหล่านี้มีร่องรอยถูกผึ้งต่อยบนผิวหนังเปล่าเปลือยของพวกมัน โดยส่วนมากอยู่แถวรอบดวงตา นักวิจัยยังพบซากผึ้งบนชายฝั่งอีกด้วย โดยคาดว่า พวกนกอาจจะตายในช่วงบ่ายในพฤหัสบดีจนถึงช่วงเช้าวันศุกร์

 เพนกวินแอฟริกัน โดยหลักแล้วมีถิ่นหากินอยู่ตามแนวชายฝั่งประเทศแอฟริกาใต้ และนามิเบีย พวกมันเป็นนกเพนกวินขนาดเล็ก มีลำตัวยาวประมาณ 68-70 ซม. น้ำหนักประมาณ 2-5 กก. ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย มีจะงอยปากที่แหลม เป็นที่รู้จักจากเสียงร้องที่ดัง จำนวนของมันลดลงอย่างมาก โดยจากมากกว่าล้านตัวในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในปี พ.ศ. 2553 กลับเหลือเพียง 5 หมื่น 5 พันตัวเท่านั้น จนมีการประกาศให้เป็นสัตว์เสี่ยงสูญพันธุ์

เพนกวินแอฟริกัน หรือเพนกวินตีนดำ เดิมได้ชื่อว่า เพนกวินลา เนื่องจากมีเสียงร้องเหมือนลา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเพนกวินแอฟริกัน เพราะเป็นเพนกวินเพียงชนิดเดียวที่พบได้ในทวีปแอฟริกา เพนกวินแอฟริกัน เป็นนกที่จับคู่อยู่เพียงคู่เดียวตลอดชีวิต มีพฤติกรรมการอยู่รวมกันเป็นนิคมใหญ่ เมื่ออากาศร้อนจะขุดหลุมฝังตัวในพื้นทราย และอ้าปากรับลมเพื่อระบายความร้อนออกจากตัว เป็นเพนกวินอีกชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี