20 กันยายน 2568 จากไร่แครนเบอร์รี่สู่พื้นที่ชุ่มน้ำ การถอยทัพของเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ

เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวแครนเบอร์รี่ เกษตรกรจะปล่อยน้ำให้ท่วมพื้นที่ปลูกจนกลายเป็นทะเลสีแดงที่มีลูกแครนเบอร์รี่ลอยอยู่ทั่วผิวน้ำ ก่อนจะรวบรวมผลผลิตเพื่อนำไปแปรรูปเป็นซอสหรือน้ำผลไม้ กลายเป็นภาพจำอันโดดเด่นของวิธีการเก็บเกี่ยวแครนเบอร์รี่ที่ไม่เหมือนผลไม้ชนิดใด แต่ด้วยราคาผลผลิตที่ตกต่ำ ผลกระทบจากโลกร้อน และปัญหาทับซ้อนอื่นๆ ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกแครนเบอร์รี่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ยากแต่เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม คือการเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกแครนเบอร์รี่ให้กลับไปเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำดังเดิมในอดีต

ไร่แครนเบอร์รี่คือสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของรัฐแมสซาชูเซตส์และมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1800 โดยรัฐแมสซาชูเซตส์ครองตำแหน่งผู้นำในการปลูกแครนเบอร์รี่มานาน จนกระทั้งในช่วง 31 ปีที่ผ่านมาก็ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับรัฐวิสคอนซินมาโดยตลอด แม้จะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังมีเกษตรกรในรัฐแมสซาชูเซตส์ที่ทยอยวางมือ
เรื่อย ๆ ด้วยปัจจัยที่สำคัญที่สุดอย่าง ภาวะราคาสินค้าตกต่ำอย่างรุนแรงเนื่องจากการแข่งขันในตลาดโลก ที่ต้องแข่งขันกับรัฐวิสคอนซิน และประเทศแคนาดาที่มีพื้นที่สำหรับปลูกที่ใหญ่กว่าและมีต้นทุนในการผลิตที่ต่ำกว่า

นอกจากแรงกดดันทางด้านเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ แครนเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ต้องการอากาศเย็นจัดในฤดูหนาว แต่เนื่องจากภาวะโลกร้อนทำให้ฤดูหนาวไม่หนาวเย็นเท่าในอดีต ส่งผลให้ผลผลิตไม่ได้ตามที่คาดไว้และเสียหายอย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากไร่แครนเบอร์รี่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณที่เคยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำมาก่อน โครงการฟื้นฟูจึงเปรียบเสมือนคืนพื้นที่เพาะปลูกกลับคืนสู่ธรรมชาติ โดยมีหน่วยงานรัฐและองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ามาช่วยเหลือ มอบเงินทุนสนับสนุนและองค์ความรู้ทางเทคนิคแก่ผู้ที่ต้องการเข้าร่วม โดยการปรับเปลี่ยนไร่ให้กลับคืนสู่ธรรมชาตินั้น ไม่ใช่เพียงแค่การทิ้งไว้ให้รกร้าง แต่ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและมีหลักการ โดยขั้นตอนแรกคือรื้อถอนโครงสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เขื่อนขนาดเล็ก ประตูระบายน้ำ ถัดมาจึงฟื้นฟูลำน้ำเดิม สร้างแหล่งน้ำตื้นๆ สลับกับเนินดินเพื่อเลียนแบบพื้นที่ชุ่มน้ำธรรมชาติดั้งเดิม จากนั้นจึงปลูกพื้นท้องถิ่น และเริ่มปล่อยให้ธรรมชาติเยียวยาตนเอง

ผลลัพท์ที่น่าทึ่งพบว่า หลังจากเริ่มฟื้นฟูธรรมชาติเพียงไม่กี่ปี พื้นที่ซึ่งเคยเป็นไร่แครนเบอร์รี่นั้นก็แปรสภาพเป็นระบบนิเวศน์ที่ซับซ้อนและมีชีวิตชีวา ต้นไม้พื้นถิ่นเช่นเมเปิ้ลแดงและสนขาวเริ่มเติบโต สัตว์ต่าง ๆ ที่เคยหายไปเช่น นกกระสา กบ เต่า และปลาพื้นเมืองชนิดต่าง ๆ ก็ค่อยๆ กลับมาเช่นกัน

ที่มา: ไทยพับลิก้า (thaipublica.org/2025/08/sunisa49-cranberry-harvest/)

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy