2 กันยายน 2566 คราฟท์เบียร์ ‘ตอซังข้าว’ ลดโลกร้อน-ฟื้นสิ่งแวดล้อม

คราฟท์เบียร์ 'ตอซังข้าว' ลดโลกร้อน-ฟื้นสิ่งแวดล้อม

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (https://www.bangkokbiznews.com/environment/1086359)

          ปัญหาพื้นที่ทำนาเผาตอซังข้าวหลังจากเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในครั้งต่อไป แต่ทุกครั้งที่มีการเผาตอซังข้าวจะนำมาสู่ปัญหาสิ่งแวดล้อม  เพราะปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนจากพื้นดินสู่บรรยากาศ สาเหตุภาวะโลกร้อน ฝุ่นละออง PM2.5 และจุดความร้อน Hotspot

           เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 65 ล้านไร่ หรือประมาณ 20% ของพื้นที่ทั้งประเทศ ได้ผลผลิตข้าว 24 ล้านตัน มีฟางข้าวเฉลี่ยประมาณปีละ 25.45 ล้านตัน และมีปริมาณตอซังข้าวที่ตกค้างอยู่ในนาข้าว 16.9 ล้านตันต่อปี จึงนับได้ว่ามีปริมาณฟางข้าวและตอซังข้าวมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับตอซังพืชชนิดอื่น โดยมีปริมาณฟางข้าวและตอซังมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือจำนวน 13.7 และ 9.1 ล้านตันต่อปี รองลงมาคือภาคกลางและ ภาคตะวันออกมีจำนวนฟางข้าวและตอซัง 6.2 และ 4.1 ล้านตันต่อปี และในพื้นที่ปลูกข้าว 1 ไร่ มีปริมาณฟางข้าวและตอซัง โดยเฉลี่ยปีละ 650 กิโลกรัม ทว่าที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีพื้นที่ กว่า 90 % จะเป็นพื้นที่ทำนา ได้มีการนำตอซังข้าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ โดย ‘ครูเต้ย- ดาธิณี ตามเพิ่ม’ ครู กศน. (การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย) ต.หนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ริเริ่มจากตอนแรกนำมาทำไข่เค็ม ไข่อำพัน ที่ใช้ตอซังข้าวมาพอก และทำผ้าทอจากเส้นใยธรรมชาติโดยใช้สีธรรมชาติจากตอซังข้าวมาต้ม ซึ่งช่วงต้มมันได้กลิ่นหอมมาก เหมือนเวลากินอิชิตัน โออิชิ ได้กลิ่นข้าวญี่ปุ่นหอมและล่าสุดได้ไอเดียทำคราฟท์เบียร์จากตอซังข้าว 

           ‘ครูเต้ย’ ได้น้อมนำภูมิปัญญาเพื่อพัฒนาตำบลหนองน้ำใสพร้อมเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวบ้าน ด้วยการนำ ศาสตร์พระราชา ‘โคกหนองนาโมเดล’ มาใช้ในชุมชน สามารถใช้นวัตกรรมทางความคิด หรือองค์ความรู้เข้าไปช่วยแก้ปัญหา หรือต่อยอดเป็นหลักสูตรเพื่อสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน โดย เมื่อครั้งเป็นครูกศน.ตำบลไผ่ล้อม อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธย คิดค้นไข่เค็มใบเตย ต่อมาเมื่อมาเป็นครูกศน.ตำบลหนองน้ำใส ได้จัดตั้งเป็นศูนย์ฝึกมีชีวิต ได้ริเริ่มโดยการนำผักตบชวาในพื้นที่มาต่อยอดสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในชุมชน อาทิ ใช้รากทำเป็นปุ๋ย ต้นทำเส้นใย ใบทำจาน ต้นอ่อนทำอาหาร ไม่เพียงสร้างรายได้ให้ชุมชนแล้วยังช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยเริ่มแรกนำมาทำไข่เค็ม ไข่อำพัน ที่ใช้ตอซังข้าวมาพอก และทำผ้าทอจากเส้นใยธรรมชาติโดยใช้สีธรรมชาติจากตอซังข้าวมาต้ม ซึ่งช่วงต้มมันได้กลิ่นหอมมาก เหมือนเวลากินอิชิตัน โออิชิ ได้กลิ่นข้าวญี่ปุ่นหอม และล่าสุดได้ไอเดียทำคราฟท์เบียร์จากตอซังข้าว

           ครูเต้ย เล่าว่า การทำคราฟท์เบียร์จากตอซังข้าวนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร ช่วยการันตีเรื่องดิน เรื่องข้าว แล้วคัดเลือกตอซังข้าวจากนาออร์แกนิก 100 % ที่เกี่ยวใหม่เท่านั้น และผ่านการตรวจค่าสารตกค้าง จาก กรมส่งเสริมสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ความหอมๆ และรสชาติที่มีเอกลักษณ์ความชัดเจน เน้นความสดชื่น และบอดี้ไม่หนัก เพราะเมื่อทำเกี่ยวกับของกิน หรือเครื่องดื่ม ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคร่วมด้วยริเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2566 โดยเป็นเครื่องดื่มไว้สำหรับรับรองผู้ที่ฝึกอบรม หรือเยี่ยมศูนย์ฝึกมีชีวิต การทำคราฟท์เบียร์จะใช้วิธีการคั่วตอซังจนหอมและนำมาต้มเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล จนเกิดกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้คอนเซปต์ นำสิ่งที่ไร้ค่าสร้างปัญหาให้ชุมชนมาเป็นรายได้ นำสิ่งที่เป็นปัญหามาสร้างความยั่งยืน สิ่งที่ยากที่สุดในการทำคือ การสื่อสารหรือการเล่าเรื่องอย่างเข้าใจ ทั้งที่การผลิตที่เป็นวิทยาศาสตร์ มีสูตรในการผลิต ทำมาจากธรรมชาติ เป็นการรักษ์โลก

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy