19 มิถุนายน 2568 Biodiversity ความท้าทายใหม่ ที่ธุรกิจเกษตรและอาหารไทยต้องรับมือ

ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญในเวทีโลก โดยเฉพาะหลังการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (COP15)

สำหรับไทย ในฐานะประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับต้นๆ ของโลก ภาครัฐก็ได้มีการผลักดันเรื่องนี้
โดยเฉพาะใน EEC ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ศักยภาพของอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของผลผลิตสินค้าเกษตรสำคัญ เช่น ผลไม้ สมุนไพร ประมง ปศุสัตว์ โดยในแผนพัฒนาการเกษตรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (พ.ศ. 2566-2570) ก็ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับภาคเกษตรและอาหารในด้าน Biodiversity ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการปลูกพืชท้องถิ่น เช่น สมุนไพรและพืชหายากในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม New S-Curve รวมทั้งการพัฒนาเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เช่น การลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร ซึ่งจะช่วยให้ระบบนิเวศฟื้นตัวและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เกษตร

หนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จที่จะทำให้อุตสาหกรรมเกษตรและอาหารไทยสามารถยกระดับมาตรฐานด้าน Biodiversity ได้ คือ ผู้ประกอบการต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงมือผู้บริโภค เพื่อสร้างความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการรับรองมาตรฐานด้าน Biodiversity ซึ่งมีแนวโน้มถูกนำมาใช้เป็นกฎระเบียบทางการค้ามากขึ้น รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ (Taskforce on Nature-Related Financial Disclosures: TNFD) ซึ่งปัจจุบันมีองค์กรมากกว่า 500 แห่งทั่วโลกรวมถึงไทยที่ใช้แนวทาง TNFD แล้ว

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1185216

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy