19 ตุลาคม 2568 วันอาหารโลก 2025 โลกร้อน–สงคราม–เงินเฟ้อซ้ำเติมคนหิวโหย

           วันอาหารโลก (World Food Day) จัดขึ้นครั้งแรกโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เมื่อปี ค.ศ. 1979 โดยกำหนดวันที่ 16 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันก่อตั้ง FAO ในปี ค.ศ. 1945 จุดประสงค์หลักคือเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นการลงมือแก้ปัญหาความหิวโหยและภาวะทุพโภชนาการที่ยังคงมีอยู่ในประชากรจำนวนมากทั่วโลก กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวันอาหารโลกจึงเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจ FAO ในการพัฒนาวิธีแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริม “ความมั่นคงทางอาหาร” ให้กับทุกคนบนโลก

หัวใจสำคัญของวันอาหารโลก คือการทำให้ระบบอาหารและเกษตรกรรมมีความยืดหยุ่นต่อวิกฤตที่เกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ภัยธรรมชาติ ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงการสูญเสีย ความหลากหลายทางชีวภาพ ภารกิจของ FAO มุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิตทางอาหารอย่างยั่งยืน พัฒนาห่วงโซ่อุปทาน ลดการสูญเสียอาหาร และปรับปรุงคุณภาพโภชนาการ

รายงานประจำปี 2025 ของ FAO ระบุว่า หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาวะความหิวโหย ทั่วโลกลดลงอย่างช้า ๆ จาก 8.7% ของประชากรโลกในปี 2022 เหลือ 8.2% ในปี 2024 หรือประมาณ “หนึ่งในสิบสองคน” ซึ่งเท่ากับประชากรราว 700 ล้านคนที่ยังเผชิญความหิวโหย ขณะเดียวกันกว่า 2.3 พันล้านคน หรือมากกว่าหนึ่งในสี่ของประชากรโลก ประสบภาวะ “ความไม่มั่นคงทางอาหารในระดับปานกลางถึงรุนแรง” และมีเพียง 34% ของเด็กอายุ 6–23 เดือนที่ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามเกณฑ์วิตามินและแร่ธาตุขั้นต่ำ

นอกจากนี้ ระบบอาหารทั่วโลกยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยภาคอาหารคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของการปล่อยทั่วโลก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการละเมิด “ขีดจำกัดของโลก” (planetary boundaries) ทั้งห้าประการ ตามรายงานล่าสุดของคณะกรรมาธิการ EAT-Lancet

แม้เวลาผ่านไปห้าปีหลังการระบาดใหญ่ ราคาสินค้าอาหารทั่วโลกยังคงสูงกว่าช่วงก่อนโควิดถึงสามเท่า ขณะเดียวกัน การผลิตอาหารและสินค้าเกษตรได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอาจทำให้ผลผลิตพืชตกลงถึง 35% ภายในปี 2050 ตามการวิเคราะห์ของ Boston Consulting Group และจะส่งผลให้ภาวะทุพโภชนาการในชุมชนเปราะบางเพิ่มขึ้นอีกราว 20%

FAO เตือนว่าแนวโน้มนี้ส่งผลกระทบต่อประเทศรายได้น้อยมากที่สุด แม้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และอเมริกาใต้จะมีความก้าวหน้า แต่ในหลายพื้นที่ทั่วโลกกลับสวนทาง ภาวะขาดสารอาหารในแอฟริกาเพิ่มขึ้นกว่า 20% ในปี 2024 และเพิ่มขึ้น 12.7% ในเอเชียตะวันตก

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (https://www.thansettakij.com/sustainable/net-zero/641585)

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy