18 มิถุนายน 2564 เศร้า กวางป่าถูกยิงตายริมลำห้วย

ที่มา:
https://www.banmuang.co.th/news/region/238587
นายสมนึก ชุมเกตุ หรือผู้ใหญ่นึก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่พบกวางป่าขนาดใหญ่นอนตายอยู่ในป่า บริเวณพื้นที่หมู่ 3 บ้านวังกลั้ง ต.เขาไพร อ.รัษฎา จ.ตรัง จึงประสาน นายจิรศักดิ์ ยังสุวรรณ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า หน่วยที่ ขป.5 (บ้านในเตา) พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าเดินทางเข้าไปตรวจสอบ พบซากของกวางป่า หรือกวางม้า เพศผู้ อายุประมาณ 4-6 ปี น้ำหนัก 200 กก. ตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนชนิดลูกซองยาว กระสุนขนาดเบอร์ 12 จำนวน 4 นัด หัวกระสุนเจาะเข้าบริเวณ หน้าอก 2 นัด ขาหน้า 1 นัด และชายโครงซ้าย 1 นัด ทำให้เลือดไหลเจิ่งนองออกมา นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบพบมีหยดเลือดของกวางหยดออกมาจากป่าเป็นทางยาว เจ้าหน้าที่นำร่างกลับมายังที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่าฯ พร้อมประสานตำรวจ สภ.รัษฏา เข้าตรวจสอบ และขุดหลุมด้วยรถแบคโฮ ฝังกวางป่าตัวดังกล่าวบริเวณหน้าหน่วยพิทักษ์ป่า ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน กวางป่า หรือกวางม้า เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย สหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN) จัดให้กวางป่าอยู่ในระดับเสี่ยงสูญพันธุ์ (VU)
จากการสอบถาม นายเอื้อน เกื้อลาว อายุ 54 ปี พนักงานราชการหน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า หน่วยที่ ขป.5 (บ้านในเตา) เล่าว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้คาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะลงมือยิงเมื่อช่วงย่ำรุ่ง แต่ปรากฏว่ากวางไม่ได้สิ้นใจในทันที จึงวิ่งหนีเตลิด และพยายามวิ่งหาแหล่งน้ำ ตามสัญชาตญาณของสัตว์เพื่อเอาตัวรอด ก่อนจะมาสิ้นใจริมห้วย ต่อมาในช่วงเช้าชาวบ้านพบรอยเลือดหยดเป็นทางยาวจากป่าทึบ ไปจนถึงริมห้วย ก่อนที่จะเดินตามรอยเลือดไป และพบกวางสิ้นใจแล้ว จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบ โดยตนยังมองไม่ออกว่าในครั้งนี้เจตนาเพื่ออะไร เพราะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าเขาที่อยู่ติดต่อกับ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ซึ่งมีกวางป่า หรือกวางม้าอยู่อาศัยกว่า 30 ตัว โดยอยู่อาศัยเป็นฝูง และคาดว่าน่าจะมากที่สุดในภาคใต้ ส่วนใหญ่จะพบได้มากที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่ผ่านมาตนทำงานมาหลายปี เคยมีการล่าสัตว์ป่า เช่น กวางลักษณะนี้เมื่อ พ.ศ. 2546 หรือเกือบ 20 ปีที่แล้วแค่ครั้งเดียว ก่อนจะมาเกิดเหตุในครั้งนี้ ทำให้ตนในฐานะเจ้าหน้าที่รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถปกป้องไว้ได้ “ในส่วนของการทำงาน ภายในหน่วยพิทักษ์ป่ามีเจ้าหน้าที่เพียงแค่ 9 นาย ต้องดูแลและรับผิดชอบดูแลผืนป่ากว่า 6-7 หมื่นไร่ ยอมรับว่าการดูแลและปกป้องผืนกว่าไม่ทั่วถึง ตนและทีมงานต้องเข้านอนภายในป่าอย่างตลอด แต่บางครั้งผู้ก่อเหตุมีจำนวนที่มากกว่า เราทำการลาดตระเวนอยู่อีกฝั่ง แต่ผู้ก่อเหตุอยู่อีกฝั่ง จึงเป็นอะไรที่ยากมา แต่เราผู้ทำงานระดับปฎิบัติงานยอมรับว่าทำงานอย่างเต็มที่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา” เบื้องต้นทาง พ.ต.อ.ปรีดี นาคช่วย ผกก. สถานีตำรวจภูธรรัษฎา สั่งการให้พนักงานสอบสวนทำการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบปากคำ เพื่อติดตามหาตัวผู้กระทำผิด เนื่องจากเป็นเหตุที่อยู่ในความสนใจ โดยเร่งพยายามติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป