17 มกราคม 2563 ‘ดับบลิวอีเอฟ’เตือนโลกร้อนก่อความเสียหายพุ่ง

ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/862411?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=foreign

เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม (ดับบลิวอีเอฟ) เผยแพร่รายงานการศึกษาล่าสุดที่บ่งชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจะส่งผลกระทบต่อชุมชน สังคม บริษัทเอกชน ตลอดจนหน่วยงานรัฐบาลโดยถ้วนหน้า โดยจะก่อต้นทุนแก่บริษัทขนาดใหญ่สุดของโลกจำนวนกว่า 200 แห่งเป็นเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะ 5 ปีข้างหน้า หากไม่มีการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเห็นผล นอกจากนี้ ดับบลิวอีเอฟ ยังระบุว่า สำหรับประเทศกำลังพัฒนาต้องใช้งบประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์ในแต่ละปีเพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยน และภายในสิ้นศตวรรษนี้ ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของสหรัฐประมาณร้อยละ 10 และการที่สหภาพยุโรป (อียู) ตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้เหลือร้อยละ 0 ภายในปี 2593 จำเป็นต้องใช้งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ องค์การอุตุนิมยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) แถลงว่า ปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนเป็นอันดับ 2 ของโลก นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติมา และสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนมากกว่าเดิมในปีนี้ และปีต่อๆ ไป ดับเบิลยูเอ็มโอ ซึ่งมีฐานอยู่ในนครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมทั้งจากองค์การนาซา และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษ ซึ่งผลวิเคราะห์ เผยว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปี 2562 อยู่ที่ 1.1 องศาเซลเซียส สูงกว่าระดับที่บันทึกไว้ในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม และกำลังขยับขึ้นไปสู่ระดับที่ทั่วโลกตั้งเพดานไว้ ซึ่งหากสูงไปกว่านี้ คาดการณ์ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อชีวิตบนโลก ด้านคณะนักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่อสภาพอากาศสุดขั้วในปี 2562 เช่น คลื่นความร้อนในยุโรป และพายุเฮอริเคนดอร์เรียน ที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 50 ราย หลังพัดถล่มประเทศบาฮามาสเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และในอนาคต โลกอาจเผชิญกับปรากฏการณ์เอลนิโญที่จะทำให้สภาพอากาศทั่วโลกร้อนขึ้นอีก การเผยแพร่ข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก มีขึ้นในช่วงที่บรรดาผู้นำโลก ตัวแทนภาครัฐบาลและภาคเอกชนจาก 117 ประเทศ เตรียมเข้าร่วมการประชุมด้านเศรษฐกิจระดับโลก เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์หน้า โดยคาดกันว่า ความตึงเครียดด้านภูมิศาสตร์การเมือง การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก และข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ จะเป็นประเด็นใหญ่ในปีนี้ นายเคลาส์ ชว็อบ ผู้ก่อตั้ง เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม กล่าวในโอกาสครบรอบ 50 ปี การก่อตั้ง เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม ว่า ทั่วโลกไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลกอย่างที่เป็นอยู่ รวมทั้งไม่ต้องการให้โลกไปถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อีกแล้ว แต่จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ บอกได้ว่าโลกกำลังเผชิญกับภาวะฉุกเฉิน และทุกฝ่ายต้องพร้อมที่จะร่วมมือแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนจะสายเกินไป ซึ่งเวที เวิลด์ อีคอโนมิก ฟอรัม ก็เป็นอีกช่องทางที่ผู้นำโลกจะแสวงหาความร่วมมือจากนานาชาติเพื่อแก้ไขวิกฤตเหล่านี้ได้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy