16 ธันวาคม 2568 ‘หมี’ คำแห่งปี 2025 ของญี่ปุ่น! เมื่อ ‘โลกร้อน’ เลวร้ายกว่าที่คิด

ทุกสิ้นปี สังคมญี่ปุ่นจะจับตาดูการประกาศ ‘คันจิแห่งปี’ ซึ่งมักจะเป็นการเลือกคำที่สะท้อนภาพรวมของเหตุการณ์ทางสังคมและการเมือง อย่างในปี 2024 คำว่า ‘ภาษี’ ถูกรับเลือก เพราะการขึ้นภาษีและการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาล ย้อนหลังกว่า 10 ปีคำที่ถูกเลือกมักจะเป็น ‘นามธรรม’ หรือคำสำคัญๆ

ทว่าในปี 2025 นี้ คำที่ดูเรียบง่ายและน่ารักอย่าง ‘หมี’ หรือ ‘คุมะ’ ในภาษาญี่ปุ่น กลับกลายเป็นเต็งหนึ่งที่ทรงพลังที่สุดในการเป็นสัญลักษณ์แห่งปี เพราะมันสะท้อนถึงวิกฤตความปลอดภัยและระบบนิเวศ ที่รุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษของประเทศญี่ปุ่น

ในช่วงปี 2024-2025 ญี่ปุ่น โดยเฉพาะในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) และโฮกุริกุ (Hokuriku) ได้เผชิญกับเหตุการณ์หมีบุกรุกและทำร้ายมนุษย์ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้อมูลสถิติได้ตอกย้ำถึงความรุนแรงของสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว

ตามรายงานของสื่อและข้อมูลจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น (Ministry of the Environment) ตัวเลขการพบเห็นหมีในพื้นที่สาธารณะและเขตชุมชนพุ่งขึ้นสูงทุบสถิติ โดยมีรายงานว่าในบางจังหวัด ตัวเลขการพบเห็นสะสมในหนึ่งปีงบประมาณสูงกว่า 20,000 ครั้ง

ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดคือ ‘การโจมตีมนุษย์’ โดยมีรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บกว่า 100 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 13 ราย ตัวเลขเหล่านี้บีบให้รัฐบาลต้องพิจารณาส่งทหารและนักล่าหมีมืออาชีพเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างจริงจัง

นักวิชาการญี่ปุ่นได้ชี้ชัดในภายหลังว่า ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากประชากรหมีที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก ‘ความอดอยาก’ ที่มีสาเหตุโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ การขาดแคลนลูกโอ๊ก เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและรูปแบบฝนที่ไม่แน่นอน ทำให้ผลผลิตตามธรรมชาติลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การที่อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นนั้น ทำให้การวจรการจำศีลของหมีผิดปกติ ส่งผลให้หมีจำศีลช้าลง หรือตื่นไวกว่ากำหนด

โดยนอกจากประเทศญี่ปุ่น ยังมีประเทศและภูมิภาคอื่น ๆ ที่สัตว์ได้รับผลกระทบต่อโลกร้อนอีกหลายแห่ง เช่น
ในยุโรปและอเมริกาเหนือ หมีกริซลีและหมีดำเริ่มปรากฎตัวในเมืองบริเวณที่ทิ้งขยะบ่อยขึ้นอย่างมาก เนื่องจากำฟป่าทำให้พวกมันไม่สามารถอาหารในป่าเช่นเดิมได้ หรือในแอฟริกา ที่ช้างป่าเริ่มบุกรุกพื้นที่การเกษตรของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจาก ภัยแล้งที่ยาวนานขึ้นอย่างผิดปกติ

จะเห็นได้ว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศจึงไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งแต่ในเมื่อมันได้ทำลายทั้ง พืช สัตว์ และมนุษย์ (อย่างเช่นกรณีน้ำท่วม) จึงถือว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้ทำลายความสมดุลของระบบนิเวศอย่างครบถ้วน

ที่มา: Posttoday (www.posttoday.com/smart-life/734994)

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy