ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/foreign/1954025

พบซากดาวเทียมของประเทศรัสเซีย และชิ้นส่วนจรวดประเทศของจีนที่เป็นขยะอวกาศโคจรอยู่รอบโลก มีโอกาสที่จะชนกัน หรือพุ่งเฉี่ยวกันในระยะประชิดในวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญกำลังเร่งประเมินผลกระทบต่อโลก “ลีโอ แล็บส์” (LeoLabs) บริษัทรวบรวมข้อมูลเรดาร์และสอดส่องขยะอวกาศนอกโลกเปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวัน ๑๖ ต.ค. ตามเวลาในไทย ซากดาวเทียม “คอสมอส-2004” (Kosmos-2004) ของประเทศรัสเซีย และซากชิ้นส่วนจรวด “ลองมาร์ช โฟร์ซี”หรือ “ฉางเจิ้ง โฟร์ซี” ของประเทศจีนจะพุ่งเข้าชนกัน หรือโคจรผ่านเข้าใกล้กันในระยะเฉียดฉิวเพียง ๒๕ ม. ที่ความเร็วกว่า ๑๔.๖๖ กิโลเมตรต่อวินาที บริเวณเหนือมหาสมุทรแอนตาร์กติกา ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า หากขยะอวกาศ ๒ ชิ้นที่มีน้ำหนักรวมกันกว่า ๒.๕ ตันชนกัน ทำให้เกิดการแตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อให้เกิดขยะอวกาศเพิ่มอีกประมาณร้อยละ ๒๐ ของจำนวนขยะอวกาศทั้งหมดกว่า ๑๗๐ ล้านชิ้นที่กำลังโคจรอยู่รอบโลก ในจำนวนนี้มีกว่า ๙๐๐,๐๐๐ ชิ้นที่มีขนาดใหญ่กว่า ๑ ซม.  ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของบรรดาดาวเทียมที่โคจรอยู่

ทางด้าน ดร. โมริบา จาห์ นักกลศาสตร์วงโคจร แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า จากการคำนวณพบว่า ขยะอวกาศทั้งสองชิ้น มีโอกาสพุ่งเข้าใกล้กันในระยะ ๗๐ ม. ขณะที่บริษัท “แอโรสเปซ คอร์เปอเรชั่น” คำนวณผลออกมาใกล้เคียงกัน ปัจจุบันนี้ แต่ละปีหลายประเทศทั่วโลกส่งดาวเทียมขึ้นวงโคจรจำนวนมาก ทำให้เกิดความวิตกกังวลมานานแล้วว่า อาจดาวเทียมมีโอกาสที่จะชนกันได้ โดยสัปดาห์นี้ องค์การการบินอวกาศยุโรปเพิ่มออกรายงานประจำปีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมในอวกาศ โดยเน้นย้ำปัญหาขยะอวกาศที่กำลังเกิดขึ้น โดยในช่วง ๒ ทศวรรษที่ผ่านมา มีขยะอวกาศชนกันปีละประมาณ ๑๒ ครั้ง ขณะที่สถิติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ