15 กรกฎาคม 2564 ร้อนจัดทำฝั่งตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นทะเลเพลิงจากไฟป่าครั้งใหญ่
ที่มา:
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2140866
ไฟป่าครั้งใหญ่กำลังโหมกระหน่ำทั่วฝั่งตะวันตกของประเทสสหรัฐอเมริกา จากคลื่นความร้อนและความแห้งแล้งครั้งประวัติศาสตร์ ทำให้พื้นที่กว้างใหญ่ของประเทศกลายเป็นทะเลเพลิง เกิดไฟป่าขนาดใหญ่ที่ยังคุกรุ่นอยู่ 67 แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ลุกลามเผาไหม้พื้นที่ป่าและพุ่มไม้อย่างน้อย 10 รัฐ โดยมีบ้านเรือนจำนวนหนึ่งถูกไฟไหม้และประชาชนอีกหลายพันคนต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย โดยไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในรัฐโอเรกอน กินพื้นที่เกือบ 2 เท่าของเมืองพอร์ตแลนด์ โดยมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่สนับสนุนมากกว่า 14,200 คน กำลังต่อสู้ไฟป่าเมื่อ 13 ก.ค. ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ภัยแล้งครั้งใหญ่ที่มีความรุนแรงมากขึ้น เกิดจากวิกฤติของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีส่วนทำให้เกิดไฟป่าบ่อยมากขึ้น ตั้งแต่ 1 ม.ค.-13 ก.ค. เกิดเพลิงไหม้ 33,953 ครั้ง เทียบกับ 27,770 ครั้งในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และยังเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสหรัฐอเมริการะบุว่า คลื่นความร้อนในฝั่งตะวันตกยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และทำให้มีอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ในบางพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนียและเนวาดา โดยคาดว่า คลื่นความร้อนจะสิ้นสุดลงในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ขณะที่ในภาคเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียเกิดไฟไหม้ที่เริ่มปะทุขึ้นจากฟ้าผ่ารวมกันที่เรียกว่า กลุ่มไฟป่าเบกเวิร์ธ ซึ่งเป็นไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีในรัฐแคลิฟอร์เนีย โหมกระหน่ำตามแนวรัฐเนวาดา เผาผลาญพื้นที่มากกว่า 362 ตร.กม. โดยสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ร้อยละ 46 หลังจากระดมกำลังสกัดเพลิงไหม้อยู่หลายวันด้วยความยากลำบากในสภาวะที่มีลมแรง อากาศร้อน และความชื้นต่ำ หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติเดธวัลเลย์ มีอุณหภูมิพุ่งแตะ 54.5 เซลเซียส ส่วนในปาล์มสปริงส์ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 48.8 เซลเซียส ขณะที่เมืองลาสเวกัสทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 47.2 องศาเซลเซียส ในรัฐโอเรกอน เกิดไฟไหม้บูทเลกที่เผาผลาญ พื้นที่ 621 ตร.กม. ลุกลามผ่านเขตป่าสงวนแห่งชาติฟรีมอนต์วินเนมา เป็นอันตรายต่อโครงข่ายไฟฟ้าของรัฐแคลิฟอร์เนียที่อยู่ใกล้เคียง ส่งผลให้บริการส่งกระแสไฟฟ้าต้องหยุดชะงัก ประชาชนหลายร้อยคนในพื้นที่ต้องอพยพทั้งหมด เนื่องจากไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และมีแนวโน้มลุกลามต่อเนื่อง ยังเกิดไฟป่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐวอชิงตันระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองกินพื้นที่ถึง 223 ตร.กม. โดยสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เพียงร้อยละ 20 ส่วนในรัฐไอดาโฮ กองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติได้ระดมกำลังเพื่อต่อสู้ไฟป่าที่ปะทุขึ้นจากฟ้าผ่าที่กินวงกว้าง 62 ตร.กม.ในพื้นที่ห่างไกลและแห้งแล้ง