10 ธันวาคม 2568 รองเท้าหนึ่งคู่ กระทบโลกมากแค่ไหน? Nike กับภารกิจ ‘ปกป้องอนาคตของกีฬา’ เดิมพันครั้งใหญ่ เพื่อรักษาหัวใจของแบรนด์

ถ้าโลกไม่รอด กีฬาในอนาคตก็อาจไม่รอดเช่นกัน” Nike รู้เรื่องนี้ดี และนี่คือจุดเริ่มต้นของภารกิจ Move to Zero

รองเท้าคู่หนึ่ง อาจดูเหมือนเป็นเพียงของใช้ธรรมดาในชีวิตประจำวัน แต่สำหรับ Nike แบรนด์ที่เชื่อว่า ‘ทุกก้าวของมนุษย์มีพลังเปลี่ยนโลก’ รองเท้าไม่ได้เป็นแค่สินค้า แต่คืออุปกรณ์ที่พามนุษย์ก้าวข้ามขีดจำกัด สัญลักษณ์ของความฝัน ความพยายาม และแรงขับเคลื่อนของนักกีฬาในทุกสนาม

และเพราะ ‘กีฬา’ คือหัวใจของแบรนด์ Nike จึงมองเห็นชัดเจนว่า ‘การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ’ (Climate Change) ไม่ได้คุกคามแค่ธรรมชาติ แต่กำลังคุกคามกีฬาอย่างตรงไปตรงมา สนามที่ร้อนเกินจะซ้อม คุณภาพอากาศที่ถดถอยจนกระทบสมรรถภาพผู้เล่น และการแข่งขันจำนวนมากทั่วโลกที่ต้องเลื่อนเพราะสภาพอากาศสุดขั้ว ทั้งหมดนี้คือสัญญาณว่า เมื่อโลกเปลี่ยน กีฬาในอนาคตก็เปลี่ยนตาม

ดังนั้น หากอยากปกป้องกีฬา ก็ต้องปกป้องโลกก่อน  นี่คือเหตุผลที่ Nike เปิดภารกิจ ‘Move to Zero’ เส้นทางมุ่งสู่การลดคาร์บอนและลดขยะให้ ‘ใกล้ศูนย์ที่สุด’ เท่าที่เป็นไปได้ โดยตั้งเป้าหมายสำคัญภายในปี 2030 คือ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ Scope 1 และ Scope 2 ลงราว 65% (เทียบฐานปี 2015) และ ลดการปล่อยจากซัพพลายเชน (Scope 3) ลงประมาณ 30% ขณะเดียวกันก็เริ่มเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจาก ‘ขายแล้วจบ’ ไปสู่ระบบซ่อม–รีเฟอร์บิชด์–รีไซเคิล เพื่อยืดอายุรองเท้าทุกคู่ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

สำหรับ Nike ความยั่งยืนไม่ใช่ภาพลักษณ์ แต่คือการรักษาสนามที่มนุษย์ใช้วิ่ง เล่น แข่งขัน และเดินตามความฝัน ยิ่งมองโลกวันนี้อย่างจริงจัง Nike ยิ่งเห็นชัดว่า อนาคตของรองเท้า ผูกอยู่กับอนาคตของโลกมากกว่าที่เคยคิด จนคำถามธรรมดาๆ กลายเป็นคำถามใหญ่ของแบรนด์ว่า “รองเท้าคู่หนึ่ง ควรสร้างผลกระทบต่อโลกมากแค่ไหน?”

แผนลดผลกระทบต่อโลก เริ่มจากรองเท้าคู่เดียว

ภารกิจ Move to Zero เริ่มต้นจากรากของปัญหา—ทั้งคาร์บอน ขยะ น้ำ และเคมีภัณฑ์—องค์ประกอบที่ทำให้รองเท้าหนึ่งคู่มีผลต่อโลกมากกว่าที่คนส่วนใหญ่เห็น Nike จึงเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนในโรงงานหลัก ปรับวัสดุอย่างโฟมและผ้าให้มีคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำลง พัฒนาเทคโนโลยี Air ให้ใช้วัสดุน้อยลงแต่รองรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น และจัดระเบียบซัพพลายเชนใหม่เพื่อลดรอยเท้าคาร์บอนในทุกขั้นตอนของการผลิต

ด้านขยะ Nike เลือกวิธี ‘ไม่ให้เกิดตั้งแต่ต้นทาง’ โดยเพิ่มสัดส่วนวัสดุรีไซเคิลในสินค้า ปรับโรงงานสู่แนวคิด Zero Waste ให้ได้มากที่สุด และเปลี่ยนเศษวัสดุทุกชิ้นให้กลายเป็น ‘Nike Grind’ เพื่อนำกลับไปทำพื้นสนามหรืออุปกรณ์กีฬา ขณะที่รองเท้ารุ่นใหม่ก็ถูกออกแบบให้ถอดง่าย ซ่อมง่าย และรีไซเคิลง่ายตั้งแต่แรก เพื่อยืดอายุการใช้งานจริงให้ยาวที่สุด

ทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่มาตรการระดับแคมเปญ แต่คือการเปลี่ยนโครงสร้างของแบรนด์จาก ‘ผู้ผลิตรองเท้า’ ไปสู่ ‘ผู้ปกป้องอนาคตของกีฬา’ อย่างเป็นระบบ

ที่มา:  Workpointtoday (workpointtoday.com/nike-move-to-zero-785299#google_vignette)

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy