1 มีนาคม 2566 ‘คาร์บอน เครดิต’เครื่องมือสกัดทำลายป่าหรือแค่การ‘ฟอกเขียว’

ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/environment/1055540
ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในประเทศไทย วันหนึ่งมีหลายฤดูกาลทั้งหนาวเย็น ฝนตกพรำๆ และร้อนจัด จนทำให้หลายคนร่างกายปรับตัวไม่ทัน ป่วยไข้ไปตามๆกัน สิ่งที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วคือ การปลูกป่าหรือการปกป้องป่าดิบชื้นที่กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมของบริษัทต่างๆที่พยายามหาทางชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ และป่าวประกาศว่าบริษัทมีพันธกิจจริงจังในการรักษาสภาพแวดล้อมหรือสิ่งแวดล้อมของโลก
แต่ประเด็นอื้อฉาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ฉายภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในอุตสาหกรรมคาร์บอน เครดิต ทำให้เห็นถึงโอกาสในการ“ฟอกเขียว”ที่มีเพิ่มขึ้น โดยตอนนี้ บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างวอลท์ ดิสนีย์ ,เจพี มอร์แกน แบงก์ และบริษัทชั้นนำอื่นๆถูกกล่าวหาว่าซื้อคาร์บอน เครดิตจากโครงการต่างๆที่มีเป้าหมายปกป้องผืนป่าในประเทศต่างๆ ทั้งๆที่ผืนป่าเหล่านั้น ไม่ได้เสี่ยงที่จะถูกทำลายด้วยซ้ำ
เท่านั้นยังไม่พอ มีรายงานว่าบริษัทแห่งหนึ่งที่บริหารจัดการที่ดิน 600,000 เฮกตาร์ หรือ 3,750,000 ไร่ ในสหรัฐทำรายได้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นเงิน 53 ล้านดอลลาร์ จากคาร์บอนเครดิตที่ไม่ได้ช่วยบริหาร จัดการผืนป่าใดๆ ทัั้งสิ้น
ไม่มีโครงการใดที่กักเก็บคาร์บอนเกินกว่าที่ต้นไม้จะดูดซับได้ผ่านการสังเคราะห์ด้วยแสงในสถานการณ์ทางธุรกิจตามปกติ
ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้มีขึ้นในช่วงที่เหล่าผู้นำและบรรดาผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกมาประชุมร่วมกันที่กรุงลิเบรอวิล เมืองหลวงของกาบอง ช่วงวันที่ 1-2 มี.ค.นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาการทำลายป่าภายใต้ชื่อ ‘One Forest Summit’ ซึ่งฝรั่งเศสและกาบองร่วมกันเป็นประธานการประชุม
นอกจากหารือเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวแล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมยังร่วมกันหาแนวทางปรับปรุงเครื่องมือทางการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องผืนป่าของโลกด้วย
การประเมินหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาพบว่า มีการใช้คาร์บอน เครดิตอย่างกว้างขวาง และคาดการณ์ว่า ปริมาณก๊าซคาร์บอนอาจเพิ่มขึ้นสิบเท่าภายในปี 2573 เป็นประมาณ 2,000 ล้านตัน