27 กรกฏาคม 2568 มจธ. มุ่งเป้าพัฒนาวิศวกรรมชั้นสูง พร้อมปั้นนวัตกรรมพลิกโฉม ‘เมกะซิตี้ไทย’
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) มุ่งเป้าพัฒนาวิศวกรรมชั้นสูง พร้อมปั้นนวัตกรรมพลิกโฉม “เมกะซิตี้ไทย” โดยในการบริหารการก่อสร้างหรือพัฒนาเมกะซิตี้เหล่านี้จำเป็นต้องครอบคลุมการออกแบบและใช้วัสดุอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดคาร์บอน การพัฒนาระบบ Smart..Mobility..ที่มีทั้งการจราจรอัจฉริยะและการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นเมืองขนาดใหญ่
มหานคร (Megacity) คือเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นตั้งแต่ 10 ล้านคนขึ้นไป การเติบโตของเมืองในระดับนี้มักนำมาซึ่งปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่ดีพอ โดยเฉพาะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และความท้าทายในการรับมือกับภัยพิบัติต่างๆ การพัฒนาทักษะ องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นแนวหน้าจะช่วยตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ให้เกิดความยั่งยืนได้
ศาสตราจารย์ ดร.ชัย จาตุรพิทักษ์กุล อาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และหัวหน้าโครงการวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมก่อสร้างเพื่อรองรับการพัฒนาเมกะซิตี้แห่งอนาคต กล่าวว่า “ประเทศไทยมีกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นมหานครขนาดใหญ่ หรือ เมกะซิตี้ นอกจากนี้เมืองเศรษฐกิจสำคัญอย่างเชียงใหม่ เมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทางภาคตะวันออกมีแนวโน้มที่จะพัฒนาเมืองไปสู่การเป็นเมกะซิตี้ในอนาคต ซึ่งในการบริหารการก่อสร้างหรือพัฒนาเมกะซิตี้เหล่านี้จำเป็นต้องครอบคลุมการออกแบบและใช้วัสดุอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดคาร์บอน การพัฒนาระบบ Smart Mobility ที่มีทั้งการจราจรอัจฉริยะและการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการปรับปรุงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นเมืองขนาดใหญ่”
โครงการฯ นี้ได้รับทุนสนับสนุนกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จำนวน 15 ล้านบาท และงบประมาณสนับสนุนจาก ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. จำนวน 3 ล้านบาท รวมงบประมาณทั้งสิ้น 18 ล้านบาท มีระยะเวลาการดำเนินงานวิจัย 3 ปี โดยมีเป้าหมายหลักที่จะมุ่งพัฒนากำลังคนทักษะสูงที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีวัสดุและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อการก่อสร้างและบริหารจัดการเมกะซิตี้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ 4 ด้าน ได้แก่ 1. เทคโนโลยีวัสดุใหม่และการก่อสร้างแห่งอนาคต โดยมุ่งพัฒนา Green..Technology สำหรับงานก่อสร้างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ มีความยั่งยืน และทนทาน รวมถึงการวิจัยวัสดุสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) 2. เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการก่อสร้างและบริหารจัดการ เน้นการประยุกต์ใช้ AI ในการบริหารจัดการน้ำ การบำบัดน้ำเสีย และปัญหาขยะ 3. เทคโนโลยีเพื่อรองรับภัยพิบัติต่างๆ ทั้งภัยจากธรรมชาติ (เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว) และภัยจากความมั่นคง (เช่น การก่อการร้าย) เน้นการประยุกต์ใช้กลศาสตร์การคำนวณขั้นสูงและเทคโนโลยีการตรวจสมัยใหม่ รวมถึงการเก็บข้อมูลอัจฉริยะ (Smart Data) สำหรับการบริหารจัดการเมืองใหญ่และพัฒนาระบบเตือนภัยสำหรับโบราณสถาน และ 4. เทคโนโลยีการสัญจรอัจฉริยะ (Smart Mobility) เน้นการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ระบบราง การขนส่งทางเรือ และการจัดการขนส่งในเมืองใหญ่ รวมถึงการจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงมาตรฐานในด้านความปลอดภัยสำหรับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
ที่มา : www.tcijthai.com (https://www.tcijthai.com/news/2025/7/current/14418)