24 กุมภาพันธ์ 2563 รมว.ทส. สั่งป่าไม้แจ้งข้อหาหนัก กรณีลักลอบเผาป่า จ. ลำปาง

ที่มา: https://www.banmuang.co.th/news/region/181420

นายอิศเรศ จิรารัตน์ ผอ. ศูนย์ส่งเสริมควบคุมไฟป่าภาคกลาง นำกำลังเจ้าหน้าที่เหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ เข้าไปดับไฟป่าซึ่งใกล้กับโรงโม่หินศิลาสิน ท้องที่ ต. แม่ทะ อ. แม่ทะ จ. ลำปาง ไฟไหม้เป็นบริเวณกว้างมีความเสียหายกว่า 109 ไร่ เมื่อตรวจสอบโดยรอบพบว่า ที่บริเวณเพิงพักซึ่งห่างจากจุดไฟไหม้ป่าเพียง 10 เมตร เจ้าหน้าที่พบชนวนจุดไฟซึ่งเป็นวัตถุที่ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นต้นเพลิงแบบถ่วงเวลา โดยใช้ไม้ขีดไฟมัดรวมกับแท่งยากันยุงซึ่งหวังผลให้ลุกลามถึงหัวไม้ขีด เพื่อเกิดเปลวไฟเผาไหม้เชื้อเพลิงต่อไป พร้อมกล่องไม้ขีดไฟ และอาวุธปืนแก๊ปยาว 1 กระบอก จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. แม่ทะ มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทราบเบื้องต้นว่า กระท่อมเพิงพักดังกล่าวเป็นของพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงโม่หินศิลาสิน ชุดปฎิบัติการ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ติดตามตัวมาทำการสอบสวนการเพื่อดำเนินคดี การลักลอบเผาป่าตามกฎหมาย พลต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พร้อมพนักงานสอบสวน สภ. แม่ทะ จ. ลำปาง และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป 14 (แม่ทะ) ชุดปฎิบัติการเหยี่ยวไฟ ได้ติดตามนำผู้ต้องหาในคดีเหตุไฟไหม้ป่าหลังโรงโม่หินแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านแม่ทะ หมู่ 1 ต. แม่ทะ อ. แม่ทะ จ. ลำปาง เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563  คือ นายอุดมสินธ์ ธิธรรมมา อายุ 68 ปี บ้านเลขที่ 186/3 หมู่ 1 ต. แม่ทะ อ. แม่ทะ จ. ลำปาง ชี้ที่เกิดเหตุบริเวณเพิงพักของผู้ต้องหา กรณีพบวัตถุที่ประกอบด้วยแท่งยากันยุง และไม้ขีดไฟมัดรวมกันจำนวน 3 ชิ้น ซึ่งเป็นลักษณะของวัตถุที่จะนำไปใช้ในการวางเพลิงในพื้นที่ป่า


เบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้ปากคำว่า วัตถุที่ประกอบขึ้นดังกล่าว (แท่งยากันยุงกับไม้ขีดไฟ) เป็นของตนจริง แต่จะนำไปใช้เผาไร่เผานาของตนเองในพื้นที่อ. แม่ทะ และปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนจุดไฟเผาป่าในที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เพราะให้การมีพิรุธหลายอย่าง เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป 14 (แม่ทะ) และพนักงานสอบสวน สภ. แม่ทะ ได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายอุดมสินธิ์ ผู้ต้องหา ตามข้อกล่าวหาดังนี้ 1. พรบ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี 2. พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 และ มาตรา 31 3. พ.ร.บ. สาธารณะสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 25 (4) และมาตรา 27 และมาตรา 28 4. พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 97 5. พ.ร.บ. อาวุธปืน ภายหลังนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้กรมป่าไม้ โดยชุดพยัคฆ์ไพร ขยายผลตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้สั่งการด่วนให้นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ นำชุดปฎิบัติการพยัคฆ์ไพร เร่งขยายผลตรวจสอบการลักลอบเผาป่าครั้งนี้ให้ถึงที่สุดทั้งทางอาญาและทางเพ่ง ซึ่งผู้ต้องหารายนี้จะได้รับโทษตามมาตรา 3130 พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติปี 2507 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 14 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หน่ึงปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถ้าได้กระทําเป็นเนื้อท่ีเกินยี่สิบห้าไร่ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ (1) ไม้สัก ไม้ยาง ไม้สนเขา หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. ตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ (2) ไม้อื่นที่เป็นต้น หรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างรวมกันเกิน 20 ต้นหรือท่อน หรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร หรือ (3) ต้นน้ําลําธาร หรือ (4) พื้นที่ชายฝั่ง ผู้กระทําความผิดต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสองล้านบาท บุคคลนั้นยึดถือหรือครอบครองท่ีดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ศาลมีอํานาจสั่งให้ผู้กระทําความผิด คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของผู้กระทําความผิดออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนสั่งให้ผู้กระทําความผิดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง หรือนําสิ่งใดๆ อันก่อให้เกิดการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติออกจากป่าสงวนแห่งชาติในเวลาที่กำหนด และให้ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางเพ่งตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติปี 2535 มาตรา 97 ซึ่งเป็นการฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขี้นจากการเผาป่าเฉลี่ยไร่ละหนึ่งแสนบาท รวมค่าเสียหายทางเพ่งไม่ต่ำกว่า 10ล้านบาท นายชีวะภาพ  ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า พร้อมด้วยนายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร  และเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพรลงพื้นที่ขยายผลตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุพบว่า จุดที่เกิดไฟไหม้ป่าเป็นพื้นที่ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้ของบริษัท ศิลาสิน จำกัด ขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่จางจำนวน 220-2-01 ไร่ ประกอบกิจการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน ตรวจสอบพบพื้นที่ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด 109 ไร่ พื้นที่ถูกไฟไหม้อยู่ในเขตขอใช้ประโยชน์ของบริษัท ศิลาสินลำปาง 14-1-32 ไร่ นอกพื้นที่ขอใช้ 94-2-68 ไร่ และเมื่อตรวจสอบเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ป่าสงวนแห่งชาติระบุไว้ชัดเจนว่า 1. ผู้ที่ได้รับอนุญาต จะต้องไม่สั่งการ หรือยินยอมให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด กระทำการ หรือละเว้นการกระทำการใดๆ ให้เป็นการเสื่อมเสียสภาพป่าหรือของป่า  หากมีการกระทำผิด ผู้รับอนุญาตต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นๆ ด้วย 2. ต้องคอยสอดส่องตรวจตราระมัดระวังมิให้มีการบุกรุกในพื้นที่ได้รับการอนุญาต ถ้ามีการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ หรือกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ผู้รับอนุญาตต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบทันที หากพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า มีการเสียหายเกิดขึ้นโดยที่ผู้รับอนุญาตควรจะทราบ แต่ละเลยมิได้แจ้งให้ทราบ ผู้รับอนุญาตต้องรับผิดชอบด้วย และต้องมีการจ่ายฟื้นฟู ดูแล บำรุงรักษาพื้นที่ให้กลับคืนมาดังเดิมให้มากที่สุด 3. ผู้รับอนุญาต ต้องบำรุงดูแลสภาพป่าในบริเวณที่ได้รับอนุญาต และบริเวณติดต่อใกล้เคียงให้มีสภาพป่าคงเดิม กรณีผู้ได้รับอนุญาตผ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ จะมีความผิดตามมาตรา 33/2 และ 33/3 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันลงความเห็นว่า บริษัท ศิลาสิน จำกัด มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือละเว้นไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงได้ร่วมกันจัดทำบันทึกตรวจสอบเพื่อดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ และจะมอบให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง)นำเรื่องราวเสนอให้มีการพักใช้ใบอนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติต่อไป นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่ากล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า เฉพาะใน จ. ลำปาง มีพื้นที่ขออนุญาตใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อดำเนินกิจการด้านเหมืองแร่ โรงโม่หินจำนวน 61 โครงการ รวมพื้นที่ประมาณ 48,213 ไร่ และเมื่อขยายผลอ่านแปลภาพถ่ายของชุดปฎิบัติการ พบว่าที่ผ่านมามีร่องรอยการเกิดไฟไหม้ในเขตพื้นที่ได้รับอนุญาต และพื้นที่ติดต่อใกล้เคียงพื้นที่ใช้ประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งทำให้เห็นว่า ผู้ประกอบการที่ได้ใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดไว้ ถ้าผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้ความสําคัญต่อปัญหาไฟป่าหมอกควัน น่าจะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นได้มากซึ่งทางชุดปฎิบัติพยัคย์ไพร จะเข้าตรวจสอบโครงการอื่นๆ หากตรวจสอบพบการกระทำผิดก็จะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายให้ถึงที่สุด ตามนโยบายและข้อสั่งการของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยเคร่งครัด

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณ เราจะถือว่าคุณรับได้กับเรื่องนี้ แต่คุณสามารถเลือกไม่รับได้หากต้องการ ยอมรับ อ่านเพิ่มเติม

Privacy & Cookies Policy